รู้ไหมว่ากระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์อย่างมากๆ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ไหมว่ากระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์อย่างมากๆ  (อ่าน 11 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sadgs257sa2
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2018, 11:09:18 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
กระเทีย[/size][/b]
กระเทียมกับผลดีต่อสุขภาพ
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b] เป็นไม้ล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเช่นเดียวกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะประกอบด้วย 6-10 กลีบ นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงทำครัว กระเทียมเป็นพืชที่ออกจะไม่เหมือนกับพืชทั่วๆไป เนื่องจากว่าอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในปริมาณมาก นอกจากนี้กระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารฯลฯ เป็นต้นว่า อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) และก็ซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีสาระต่อสภาพทางด้านร่างกาย
กระเทียม
คนไม่ใช่น้อยอาจจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีสาเหตุจากสารอัลลิซิน (Allicin) นอกเหนือจากที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่เด่นแล้ว อัลลิสินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่มีสาระต่อสภาพทางด้านร่างกาย แล้วก็อาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆ โดยที่หลายๆคนมั่นใจว่าการรับประทานกระเทียมอาจช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับหัวใจรวมทั้งหลอดเลือด ความดันเลือด คอเลสเตอรอล บรรเทาหวัด รวมถึงใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อโรคทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมหล่นอีกด้วย
ดังนี้ข้อยืนยันหรือหลักฐานทางด้านการแพทย์มีมากน้อยแค่ไหนที่จะช่วยยืนยันสรรพคุณ ผลดี รวมทั้งความปลอดภัยของการรับประทานกระเทียมที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยสำหรับการรักษาโรคพวกนี้
ความดันโลหิตสูง อัลลิซินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายของกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวในเส้นเลือดและก็ส่งผลให้เส้นเลือดขยายตัวและทำให้ระดับความดันเลือดลดต่ำลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองชิ้นหนึ่งให้คนป่วยที่มีระดับความดันโลหิตสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากกว่าหรือพอๆกับ 140 ไม่ลลิตรปรอท รับประทานกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มิลลิกรัม เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดลดลงมากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับคนไข้ที่กินยาหลอก จึงอาจพูดได้ว่าการกินกระเทียมบ่มสกัดอาจมีคุณภาพสำหรับในการรักษาคนป่วยความดันโลหิตสูงได้ดีมากว่ายาหลอก
ต่อให้มีการทดลองอีก 2 ชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียมสำหรับในการลดความดันโลหิตได้ดีมากยิ่งกว่าการใช้ยาหลอก แต่เพราะผลของการทดลองบางทีอาจยังไม่ถูกต้องพอเพียงที่จะสรุปคุณภาพของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือดในคนเจ็บความดันเลือดสูง จึงยังจึงควรศึกษาเพิ่มเติมอีกเพื่อรับรองคุณภาพที่แจ่มชัดยิ่งขึ้น
มะเร็ง ความเกี่ยวเนื่องของการบริโภคกระเทียมรวมทั้งความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังไม่แน่ชัดรวมทั้งยังคงเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ ซึ่งจะมองเห็นได้จากการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนจีนทั้งหมดศชายและก็เพศหญิงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะปริมาณกว่า 5,000 คน กินสารอัลลิทริดินขนาด 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยการทำการทดสอบตรงเวลา 5 ปี และก็เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกแล้วพบว่ากรุ๊ปที่รับประทานสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมมีความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกลดลง 33 เปอร์เซ็นต์ และก็เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารต่ำลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม มีการวิจัยอีก 19 ชิ้นชี้ให้เห็นว่า ยังไม่เจอหลักฐานที่น่าเชื่อถือพอดีจะช่วยส่งเสริมความเกี่ยวข้องของการบริโภคกระเทียมต่อความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะ โรคมะเร็งอก มะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก แล้วก็มีหลักฐานที่ออกจะจำกัดที่ส่งเสริมว่าการบริโภคกระเทียมอาจช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไส้ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งหลอดอาหาร โรคมะเร็งกล่องเสียง มะเร็งในโพรงปาก หรือมะเร็งรังไข่
ดังนี้สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (NCI) ได้พูดว่ากระเทียมเป็นผักชนิดหนึ่งที่อาจมีคุณสมบัติต่อต้านโรคมะเร็ง แต่ว่ายังมีเหตุอื่นๆยกตัวอย่างเช่น รูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระเทียม หรือปริมาณความเข้มข้นที่หลากหลาย อาจส่งผลให้พิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของกระเทียมได้ยาก และก็เมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บไว้ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะทำให้ความสามารถของกระเทียมสิ้นสุดไปได้เหมือนกัน
แก้หวัด คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์รวมทั้งเชื้อไวรัส รวมทั้งมีการนำมาใช้เพื่อคุ้มครองปกป้องและก็ทุเลาอาการหวัดมาอย่างช้านาน ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครจำนวน 146 คน กินสารสกัดจากกระเทียมรูปแบบเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิสินขนาด 180 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ แล้วให้อาสาสมัครเขียนบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกลุ่มที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 65 ครั้ง อีกทั้งยังพบว่าระยะเวลาของการเป็นหวัดในกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีปริมาณวันที่น้อยกว่า แม้กระนั้นช่วงเวลาการฟื้นตัวจากอาการหวัดของอีกทั้ง 2 กลุ่มมีความไม่เหมือนกันเพียงนิดหน่อย แม้ผลของการทดลองข้างต้นจะบอกให้เห็นถึงความสามารถของกระเทียม แม้กระนั้นหลักฐานการทดลองทางคลินิกยังน้อยเกินไปแล้วก็ควรต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มอีกเพื่อยืนยันคุณภาพของกระเทียมให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
ลดหุ่นและก็มวลไขมัน ในผู้เจ็บป่วยภาวะไขมันพอกตับ ที่ไม่ได้มีเหตุที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่มักมีเหตุมาจากโรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันเลือดสูง แล้วก็ไขมันในเลือดสูง ซึ่งการดูแลรักษาด้วยการกินยา การผ่าตัด หรือลดน้ำหนักบางทีอาจไม่พอ แม้ไม่ดูแลประเด็นการกินอาหารพร้อมกันไปด้วย การรับประทานกระเทียมจึงอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเหตุว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และสารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณลักษณะปกป้องภาวะอ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้ผู้เจ็บป่วยไขมันพอกตับที่ไม่ได้มีสาเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสิ้นศชายและเพศหญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี ปริมาณทั้งหมดทั้งปวง 110 คน กินกระเทียมผงชนิดแคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัม ซึ่งภายในประกอบไปด้วยสารอัลสิลินขนาด 1.5 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 15 อาทิตย์ โดยสามารถทานอาหารได้ตามธรรมดา แต่กินกระเทียมได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 กลีบ จากผลของการทดสอบชี้ให้เห็นว่า น้ำหนักรวมทั้งมวลร่างกายลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก ก็เลยอาจจะบอกได้ว่าการรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยลดปริมาณไขมันในตับและก็คุ้มครองหรือชะลอการเกิดภาวะไขมันพอกตับที่มิได้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ดีการศึกษาในอนาคตยังจึงควรออกแบบการทดสอบให้ดีขึ้นและควรเพิ่มช่วงเวลาสำหรับเพื่อการทดลองเพื่อยืนยันคุณภาพของกระเทียมให้แจ่มแจ้งเพิ่มขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับประสิทธิภาพของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงไม่ตรงกัน จึงทำให้ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองรวมทั้งการเรียนโดยการทบทวนงานศึกษาเรียนรู้วิจัยที่เกี่ยวโยงปริมาณ 29 ชิ้น ได้ทำให้เห็นว่า การกินกระเทียมบางทีอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้น้อย แต่ว่าไม่ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงมากขึ้น หรือไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจต่ำลงแต่อย่างใด ก็เลยยังควรต้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาบทสรุปรวมทั้งรับรองคุณภาพของ[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียม
ต่อระดับคอเลสเตอรอลที่แจ่มกระจ่างเพิ่มขึ้น
[/b]
ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานกระเทียม
การกินกระเทียมค่อนข้างไม่เป็นอันตรายหากกินในปริมาณที่เหมาะสม แม้กระนั้นอาจจะก่อให้เป็นผลใกล้กันได้ อาทิเช่น ปากเหม็น มีกลิ่นตัว รู้สึกแสบร้อนที่รอบๆปากหรือที่กระเพาะอาหาร แสบร้อนกลางอก ท้องอืด อ้วก อาเจียน หรือท้องร่วง อาการเหล่านี้บางทีอาจทวีความร้ายแรงขึ้นเมื่อกินกระเทียมสด ทั้งยังการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่บริเวณผิวหนังอาจจะก่อให้กำเนิดอาการแสบร้อนรวมทั้งเคืองได้
ข้อควรปฏิบัติตามสำหรับการกินกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกลุ่มต่อไปนี้
คนที่กำลังท้องหรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การรับประทานกระเทียมในตอนการท้องออกจะไม่มีอันตรายถ้าเกิดรับประทานเป็นของกินหรือในจำนวนที่สมควร แม้กระนั้นบางทีอาจไม่ปลอดภัยถ้ากินกระเทียมเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าเชื่อถือเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในช่วงการตั้งท้องหรือให้นมลูก
เด็ก การกินกระเทียมในจำนวนที่สมควรรวมทั้งในระยะสั้นๆอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แต่ว่าการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจก่อให้กำเนิดอาการแสบร้อนรวมทั้งระคาย
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะหรือการย่อยอาหาร อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองพื้นที่เดินอาหารได้
คนที่มีความดันโลหิตต่ำ การกินกระเทียมอาจทำให้ระดับความดันโลหิตลดลดลงมากกว่าธรรมดา
คนที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรจะหยุดรับประทานกระเทียมก่อนจะมีการผ่าตัดอย่างต่ำ 2 สัปดาห์เนื่องจากว่าอาจก่อให้เลือดออกมากรวมทั้งมีผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด และก็คนที่มีสภาวะเลือดออกผิดปกติไม่สมควรรับประทานกระเทียม โดยยิ่งไปกว่านั้กระเทียม[/url]สด ด้วยเหตุว่าบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
คนที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค อย่างเช่น ไอโซไนอะสิด เพราะกระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายรวมทั้งส่งผลต่อความสามารถการทำงานของยา รวมถึงไม่ควรกินกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังนี้
ยารักษาการติดเชื้อโรคเอชไอวีหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุม
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านทานเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/[/b][/size][/b]



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ