ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์  (อ่าน 6 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
nooisak20554
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2018, 11:30:38 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
ราชพฤกษ[/size][/b]
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตกาลก่อนหน้านี้กว่า 50 ปี ทางราชการมีความบากบั่นบ่อยมากสำหรับการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนด ต้นไม้ และก็ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มที่กรมป่าไม้ได้เชื้อเชิญให้ประชากรสนใจต้น[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ[/b]หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลลงความเห็นให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการเชิญให้ปลูกต้นไม้ที่มีคุณประโยชน์จำพวกต่างๆเยอะมาก ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ น่าจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนถึงในปี พุทธศักราช2506 มีการสัมมนาเพื่อระบุสัญลักษณ์ต้นไม้รวมทั้งสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ ไม้มงคลที่มีคุณประโยชน์และรู้จักกันอย่างล้นหลามเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมไทยแล้วก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอครั้งนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนั้นตลอดระยะเวลาก่อนหน้าที่ผ่านมาเครื่องหมายที่บ่งถึงความเป็นเอกราชยจึงมีมากมาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนไทยรู้จักดีและพบเจอบ่อยครั้ง เช่น พระปรางค์วัดอรุณฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เช่นเดียวกับ ต้นราชพฤกษ์ แล้วก็ ช้างเผือก ยังคงถูกชมเชยให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา
            ปี พุทธศักราช2530 มีการสนับสนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกครั้ง เพื่อเป็นการสรรเสริญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วทั้งประเทศปริมาณ 99,999 ต้น ตอนนี้ก็เลยมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากมายทั่วทั้งประเทศไทย
            ข้อสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังกำกวม จนกระทั่งช่วงปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นกลับมาเสนออีกรอบ แล้วก็มีบทสรุปเสนอให้มีการระบุเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งเป็น ดอกไม้ สัตว์แล้วก็สถาปัตยกรรม และก็การพิเคราะห์ที่ผ่านมาเสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติหมายถึงช้างไทย รวมทั้งสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอก[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์
เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะเหตุว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้าน คือ เป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่แก่ยืน ทน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้ประจำถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อแตกต่างกันในแต่ละภาค อาทิเช่น ต้นลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลใช้ประโยชน์ในพิธีการสำคัญๆดังเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาเอก ทำคฑาจอมพลและก็ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในฤดูร้อนราชพฤกษ์จะออกดอกสะพรั่งทั้งยังต้น ช่อดอกมีทรงสวยงาม สีเหลืองสวยงามเป็นสัญลักษณ์ของพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ รวมถึงเป็นสีเดียวกับวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกนั้นความสวยสดงดงามของช่อดอก และก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบเสริมแต่งไว้บนอินทรธนูของข้าราชการพลเรือนอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทยเป็นดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์หมายถึงCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองแพรวพราวที่พบได้ทั่วไปเห็นได้ทั่วไปตามข้างถนนสายต่างๆเป็นสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย อีกทั้งมั่นใจว่าฯลฯไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านทรงเกียรติขั้นชื่อ เสียงเยอะขึ้นด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาแห่งการเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเนื้อหาสาระเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันแรง
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้พื้นบ้านของเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน ประเทศอินเดีย พม่า รวมทั้งศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเติบโตได้ดีในที่โล่งแจ้ง และมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้ผลสรุปชัดแจ้ง จวบจนกระทั่งมีการลงชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ต.ค. พุทธศักราช 2544
[/b]
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เหตุเพราะ ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองชูช่อ มองสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของในหลวง" และมีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเยี่ยมใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เพราะเหตุว่าเป็นต้นไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างล้นหลาม และมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวพันกับจารีตหลักๆในไทยแล้วก็เป็นต้นไม้มงคลที่นิยมปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองงาม พุ่มสวยเต็มต้น เปรียบเป็นเครื่องหมายแห่งพุทธศาสนา
  • แก่ยืนนาน และทน
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกลาง สูงราว 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองแพรวพราว แต่ละช่อยาวราว 20-40 ซม. โดยกลีบดอกไม้จะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ มีผลยาวราวๆ 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นแรง แล้วก็มีเม็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอราชพฤกษ์[/url][/size][/b]
           นิยมปลูกด้วยเมล็ด โดยจะมีการเจริญเติบโตช้าในช่วง 1-3 ปีแรก แต่จากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น แล้วก็มีดอกตอนอายุราวๆ 4-5 ปี
การดูแลและรักษา
           แสง : ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง แล้วก็เจริญเติบโตก้าวหน้าในที่โล่งแจ้งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพอากาศร้อนก้าวหน้า
           ดิน : สามารถเติบโตก้าวหน้าในดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2-3 กิโลต่อต้น และควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           แนวทางขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ[/b]ที่นิยม คือ การเพาะเม็ด โดยใช้เมล็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่จะต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะเหตุว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ข้ามวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนเพียงพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ แล้วทิ้งไว้อีกคืนก็จะพบรากงอก และก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าเป็นต้นไม้มงคล ที่ควรจะปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และถ้าเกิดปลูกไว้ในบ้านจะช่วยให้มีเกียรติขั้น เกียรติยศ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องจากว่าเป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลนาม [url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
[/b]



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ