สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์  (อ่าน 21 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
าร
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 36


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2018, 01:41:33 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
สมุนไพรพญาย[/size][/b]
เสลดพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในสกุลเหงือกปลาแพทย์ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย [url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ
มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาข้อคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาบ้องดำ พญาข้อทองคำ (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) เป็นต้น
รูปแบบของเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้แกมเถา มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราว 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะสะอาด ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นบ้องสีเขียว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้าแขนงไปปลูก เติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีแสงอาทิตย์จัด มีเขตผู้กระทำระจายชนิดในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไทย ในประเทศไทยพบมากขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบแล้วก็โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างโดยประมาณ 2-3 เซนติเมตร รวมทั้งยาวประมาณ 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกลุ่มที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราวๆ 3-6 ดอก กลีบเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกไม้เชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราว 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากล่างและก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน ออกดอกในช่วงประมาณตุลาคมถึงม.ค. (แต่ชอบไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาบ้องทอง
ลิ้นงูเห่า
ผลเสมหะพังพอนตัวเมีย ผลสำเร็จแห้งแล้วก็แตกได้ (แม้กระนั้นผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราวๆ 0.5 ซม. ก้านสั้น ด้านในผลมีเม็ดประมาณ 4 เมล็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ประเภทหมายถึงเสมหะพังพอนเพศผู้ รวมทั้งเสมหะพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะไม่เหมือนกันตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงหลายๆตำราเรียนก็เลยนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาบ้องทอง” โดยเสลดพังพอนเพศผู้นั้นจะมีคุณประโยชน์ทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย และก็หนังสือเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสมหะพังพอนตัวเมีย
รากและเปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากรวมทั้งเปลือกต้น)
ทั้งต้นรวมทั้งใบใช้รับประทานเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งต้นและก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำอย่างระมัดระวัง ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนหัวคนป่วยราวๆ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้รวมทั้งลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (ทานอาหารแสลงไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มรับประทานครั้งละราวๆ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวประมาณ 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 10-15 ใบ ตำอย่างรอบคอบผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็อาการเจ็บปวดจะหายไปข้างใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (อีกทั้งต้นแล้วก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับฉี่ ขับรอบเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้รอบเดือนมาไม่ดีเหมือนปกติ (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบโรคตับเหลือง (ต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 3-4 ใบ นำมาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเพียงเปียก ใช้พอกโดยประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยให้อาการดีขึ้น (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 5 ใบ เอามาตำพอกรอบๆแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดนำมาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างระมัดระวังผสมกับเหล้า ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่ถูกไฟลุกหรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนก้าวหน้า4 ส่วนอีกหนังสือเรียนกล่าวว่า นอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยด้วยเหตุว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด รวมทั้งแผลที่เกิดขึ้นจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย แค่เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วเอามาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบประมาณ 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เติมน้ำลงไปให้พอเพียงเปียก แล้วนำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้แปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปครู่หนึ่งหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับสุราใช้ทา หรือใช้สุราสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวเอามาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและก็เม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบนำมาตำผสมกับเกลือและก็เหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนแปลงยาทุกตอนเช้าแล้วก็เย็น (ใบ)
ทั้งยังต้นและก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ดังเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมทั้งผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดราว 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดเอามาตำให้พอเพียงแหลก แช่ในเหล้าขาวประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วจึงนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลกล่าวว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำเล็กน้อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
[/b]
คนเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนสุนัข แล้วก็ใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆด้วยการกางใบเสลดพังพอนตัวเมียสดราว 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นเงา ไม่อ่อนหรือแก่จนกระทั่งเหลือเกิน) แล้วนำมาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลแล้วก็เอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกวิธีให้จัดเตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กก. นำมาปั่นอย่างถี่ถ้วน เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งเอาไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ความจุลดน้อยลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) และก็เพิ่มเติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก รวมทั้งใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับแบบเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้พอเพียงแหลก แช่กับเหล้า แล้วประยุกต์ใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนลานไฟให้ร้อน แล้วเอามากดเพื่อดูดเอาขนของใบตะลังตังช้างออกซะก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับสุรา เอามาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึกหัด เหือด ด้วยการกางใบสดราว 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกและผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้ทั้งยังกินและก็ทาทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปบางส่วน) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ต้นใช้เป็นยาพาราบวม เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว กระดูกร้าว ช่วยขับความชื้นในร่างกาย แก้อาการปวดเมื่อยล้าเพราะเหตุว่าเย็นชื้น (ทั้งต้น)
รากใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้าบั้นท้าย (ราก)
ขนาดรวมทั้งวิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม เอามาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนยาสดให้ใช้ครั้งละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลภายนอก
ข้อควรตรึกตรองพญายอ
: แม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล แต่ว่าในขณะนี้แนวทางนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากจะทำความสะอาดได้ยาก ทำให้กากติดแผล และก็อาจส่งผลให้ติดโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides เป็นต้นว่า 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกรุ๊ป glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสมหะพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream แล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้เรื่อง
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 โล มีประสิทธิภาพต้านทานการอักเสบเจริญ
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มก.ต่อกิโลกรัม จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อกิโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำแล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บปวด
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และก็เอทิลอะซิเตทจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 แล้วก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในขณะเมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ และก็จากรายงานการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ประเภทเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสมหะพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และยาหลอก โดยให้ผู้เจ็บป่วยป้ายยาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่มีความต่างในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนเจ็บที่ใช้ยาจากสารสกัดใบแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดข้างใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งแตกต่างกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมียจะไม่ก่อให้เกิดการอักเสบแล้วก็เคือง ในขณะที่ acyclovir จะก่อให้แสบ นอกนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำจากเสมหะพังพอนตัวเมียในคนไข้โรคเริม งูสวัด แล้วก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและก็ลดการอักเสบก้าวหน้า
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสมหะพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ทำลายเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสจำพวกที่นำไปสู่เริมและอีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลและรักษาผู้เจ็บป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ ตราบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนไข้สุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน จะมีเยอะมากกว่ากรุ๊ปหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ และก็ระดับความเจ็บจะต่ำลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลกระทบอะไรก็ตาม9
จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษนิดหน่อย แต่จะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกก. (เสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกก.) เมื่อนำมาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่ก่อให้เกิดอาการเป็นพิษใดๆก็ตาม
จากการเรียนรู้พิษครึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และก็ 540 มิลลิกรัมต่อกก. ให้หนูแรททุกวี่ทุกวัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แต่ว่าพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในตอนที่น้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แม้กระนั้นอ http://www.disthai.com/[/b]



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ