สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์  (อ่าน 7 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
gmkpas5s9q81a3
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 09:16:07 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
สมุนไพรพญาย[/size][/b]
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในสกุลเหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย [url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ
มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาข้อคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาข้อดำ พญาบ้องทอง (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) เป็นต้น
รูปแบบของเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มปนเถา มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราวๆ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นข้อสีเขียว เพาะพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้าแขนงไปปลูก เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ถูกใจดินร่วน ระบายน้ำดี มีแสงแดดจัด มีเขตการกระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไทย ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบผู้เดียว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราวๆ 2-3 ซม. รวมทั้งยาวราว 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราว 3-6 ดอก กลีบเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปากเป็นปากล่างและปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่รอบๆ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน ออกดอกในช่วงราวตุลาคมถึงเดือนมกราคม (แม้กระนั้นชอบไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาบ้องทองคำ
ลิ้นงูเห่า
ผลเสลดพังพอนตัวเมีย ผลได้ผลสำเร็จแห้งแล้วก็แตกได้ (แม้กระนั้นผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้โดยประมาณ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ภายในผลมีเม็ดราว 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ประเภท คือ เสลดพังพอนเพศผู้ และเสลดพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะแตกต่างตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงงวยหลายๆตำราเรียนก็เลยนิยมเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาปล้องทองคำ” โดยเสลดพังพอนเพศผู้นั้นจะมีสรรพคุณทางยาอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย และหนังสือเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสลดพังพอนตัวเมีย
รากแล้วก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากแล้วก็เปลือกต้น)
ทั้งยังต้นและก็ใบใช้กินเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งยังต้นแล้วก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำอย่างระมัดระวัง ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนหัวคนไข้โดยประมาณ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้และลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (ทานอาหารแสลงไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบเสิบสาน) ด้วยการใช้รากสดนำมาต้มกินทีละราว 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวราว 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดราว 10-15 ใบ ตำอย่างรอบคอบผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็ลักษณะของการเจ็บปวดจะหายไปด้านใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (อีกทั้งต้นรวมทั้งใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับรอบเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เมนส์มาแตกต่างจากปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบดีซ่าน (ทั้งยังต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบมีไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 3-4 ใบ นำมาตำอาหารสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำเพียงพอแฉะ ใช้พอกราว 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการ (ใบ)
ลำต้นเอามาฝนแล้วก็ใช้ทาแผลสดจะช่วยให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากสุนัขกัดมีเลือดไหล ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 5 ใบ นำมาตำพอกรอบๆแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดเอามาตำต้มกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำให้ถี่ถ้วนผสมกับสุรา ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนได้ดี4 ส่วนอีกตำรากล่าวว่า นอกเหนือจากการที่จะใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเพราะถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด แล้วก็แผลที่เกิดจากการถูกกรดได้อีกด้วย เพียงแค่นำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วเอามาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการกางใบราวๆ 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เติมน้ำลงไปให้พอแฉะ แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการกางใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา หรือใช้สุราสกัดใบเสลดพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและเม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการกางใบนำมาตำผสมกับเกลือรวมทั้งเหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนแปลงยาทุกตอนเช้าและก็เย็น (ใบ)
อีกทั้งต้นแล้วก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้นว่า งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมทั้งผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดราว 5-10 ใบ นำมาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้เพียงพอแหลก แช่ลงในเหล้าขาวประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ลมพิษ ตามข้อมูลระบุว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำบางส่วน ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
[/b]
ชาวเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังจำพวกเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนสุนัข และใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆด้วยการกางใบเสมหะพังพอนตัวเมียสดประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นเงา ไม่อ่อนหรือแก่จนถึงเกินความจำเป็น) แล้วเอามาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและก็เอากากพอกบริเวณแผล หรืออีกแนวทางให้จัดแจงเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 โล นำมาปั่นให้ถี่ถ้วน เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ปริมาตรลดน้อยลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) และก็เติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสลดพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก และใช้ถอนพิษต่างๆสำหรับตำราเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้เพียงพอแหลก แช่กับเหล้า แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนลานไฟให้ร้อน แล้วเอามาคลึงเพื่อดูดเอาขนของใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสมหะพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และก็ยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับเหล้า นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้หัด เหือด ด้วยการกางใบสดราว 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกแล้วก็ผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้ทั้งรับประทานและทาทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปนิดหน่อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้กินวันละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้ปวดบวม กลยุทธ์ปวดเมื่อย ฟกช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นภายในร่างกาย แก้ลักษณะของการปวดปวดเมื่อยเพราะเย็นเปียกชื้น (ต้น)
รากใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดเมื่อยบั้นท้าย (ราก)
ขนาดและวิธีการใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม เอามาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม นำมาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลข้างนอก
ข้อควรพิจารณพญายอ[/url][/size][/b]
: หากแม้ในอดีตจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แต่ในตอนนี้แนวทางแบบนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว ด้วยเหตุว่าจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล แล้วก็อาจส่งผลให้ติดเชื้อเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides ดังเช่นว่า 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกลุ่ม glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสมหะพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream และก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แม้กระนั้นเมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้เรื่อง
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 โล มีคุณภาพต้านการอักเสบก้าวหน้า
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีตำหนิคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อกิโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำรวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บ
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และก็เอทิลอะสิเตทจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นร้อยละ 4 แล้วก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านไวรัสได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในขณะเมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ และก็จากรายงานการดูแลรักษาคนไข้โรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ประเภทเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสลดพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และยาหลอก โดยให้คนป่วยป้ายยาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่แตกต่างในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนเจ็บที่ใช้ยาจากสารสกัดใบแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน และก็หายสนิทด้านใน 7 วัน ซึ่งต่างกันกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการอักเสบแล้วก็ระคาย ในตอนที่ acyclovir จะก่อให้แสบ นอกเหนือจากนี้ยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสมหะพังพอนตัวเมียในผู้ป่วยโรคเริม งูสวัด และแผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและลดการอักเสบก้าวหน้า
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสประเภทที่ส่งผลให้เกิดเริมและอีสุกอีใส3 จากรายงานการรักษาคนเจ็บโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ กระทั่งแผลจะหาย พบว่าผู้ป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน แล้วก็หายข้างใน 7-10 วัน จะมีจำนวนมากกว่ากลุ่มหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แล้วก็ระดับความเจ็บจะลดลงเร็วกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลข้างเคียงใดๆ9
จากการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษบางส่วน แม้กระนั้นจะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกก. (เสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกิโลกรัม) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่ส่งผลให้เกิดอาการเป็นพิษอะไรก็แล้วแต่
จากการเรียนพิษครึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และก็ 540 มก.ต่อโล ให้หนูแรททุกวี่ทุกวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่เป็นผลต่อการเติบโต แม้กระนั้นพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในตอนที่น้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แต่อ http://www.disthai.com/[/b]



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ