กฎหมายว่าด้วยการเช่า เมื่อสร้างบ้านระหว่างเช่า

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กฎหมายว่าด้วยการเช่า เมื่อสร้างบ้านระหว่างเช่า  (อ่าน 17 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
saibennn9
Full Member
***

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 149


ดูรายละเอียด เว็บไซต์ อีเมล์










« เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2018, 02:43:24 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

                การเช่าที่ดินเพื่อทำธุรกิจในระยะยาว เมื่อมีการก่อสร้างอาคาร ที่ทำการ หรือแม้ว่าจะปลูกบ้านลงไปในที่ดินแล้ว ต่อมาเมื่อการเช่าสิ้นสุดลง จึงมีคำถามที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นว่า ใครจะเป็นเจ้าของอาคาร ตึก สำนักงาน หรือ บ้านที่ผู้เช่าได้ปลูกสร้าง ในมุมของผู้ให้เช่ายอมจำต้องคิดว่า ในเมื่อมีการก่อสร้างในที่ดินของผู้ให้เช่าแล้ว อาคาร อาคาร ที่ทำการ หรือบ้าน ย่อมเป็นของผู้ให้เช่าโดยเป็นส่วนควบของที่ดินที่เช่า ในมุมของผู้เช่าก็คิดว่า ผู้เช่าได้ใช้สิทธิเช่าเพื่อมาสร้าง ตึก ตึก สำนักงานหรือบ้าน ในระหว่างที่เช่า ก็เลยการปลูกสร้างอาคาร ตึก สำนักงานหรือ บ้านโดยมีสิทธิ สิ่งก่อสร้างดังกล่าวจึงเป็นของผู้เช่า นอกจากนั้น ยังมีประเด็นตามว่า ผู้เช่าต้องออกมาจากที่ดินที่เช่าหรือไม่ จึงมีการฟ้องร้องคดีกันระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่า โดย ศาลได้ตัดสินคดีแล้วว่า สิ่งก่อสร้างของผู้เช่า เป็นของผู้เช่าไม่ตกเป็นของผู้ให้เช่า แม้กระนั้นผู้เช่าจะต้องรื้อถอนออกไปจากที่ดินที่เช่า แล้วก็หัวข้อต่อมา ผู้เช่าจะต้องออกจากที่ดินที่เช่า แล้วก็การที่ผู้เช่าอยู่ในที่ดินที่เช่านับจากเวลาสิ้นสุดช่วงเวลาเช่าแล้ว ย่อมเป็นการอยู่โดยละเมิดสิทธิของผู้ให้เช่า ด้วยเหตุนี้ ผู้เช่าจำต้องใช้ค่าทำขวัญให้แก่ผู้ให้เช่า และก็ออกมาจากที่ดินของผู้ให้เช่า เรื่องจริงมี
                คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4260/2550 เดิมที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของ ท. ต่อมาผู้จัดการมรดกของ ท. ได้ทำสัญญาให้ ธ. เช่าที่ดินมีกำหนด 20 ปี การที่ ธ. ปลูกสร้างตึกแถวลงบนที่ดิน จึงไม่ถือว่าเป็นส่วนควบกับที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 146 โจทก์ซื้อที่ดินมาจากผู้จัดการมรดกของ ท. ระหว่างอายุสัญญาเช่า โจทก์จึงไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกแถว แต่เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าที่ดิน ธ. ย่อมหมดสิทธิในที่ดินต้องรื้อถอนตึกแถวออกไป เว้นแต่ ธ. ยินยอมให้ตึกแถวตกเป็นของโจทก์ ตึกแถวย่อมกลายเป็นส่วนควบของที่ดินและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามมาตรา 144 วรรคสอง เมื่อโจทก์ได้รับมอบสิทธิในตึกแถวแล้ว ตึกแถวย่อมกลายเป็นส่วนควบของที่ดินและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามมาตรา 144 วรรคสอง แต่ ธ. ซึ่งเป็นเจ้าของตึกแถวไม่มีอำนาจให้เช่าห้องพิพาทเกินกำหนดระยะเวลาการเช่าที่ดิน เมื่อสัญญาเช่าที่ดินครบกำหนดแล้ว ระยะเวลาการเช่าห้องพิพาทส่วนที่เกินกว่านั้นย่อมไม่ตกมายังโจทก์ตามมาตรา 569 เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทอีกต่อไป แต่จำเลยไม่ยอมออกไป จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
                ฉะนั้น จะมองเห็นได้ว่า ไม่ว่ายังไงผู้ให้เช่าผู้เป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิเหนือที่ดินตามหลักเจ้าของ บุคคลภายนอกย่อมไม่มีสิทธิ์ดีกว่าเจ้าของที่ดิน
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทนายความเชียงใหม่

ที่มา : [url]https://www.นพนภัสทนายความเชียงใหม่.com/[/url]

Tags : ทนายความเชียงใหม่,ทนายความเชียงใหม่,ทนายเชียงใหม่



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ