โกศเขมา สรรพคุณเเละประโยชน์

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โกศเขมา สรรพคุณเเละประโยชน์  (อ่าน 10 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
wef7172
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ธันวาคม 03, 2018, 11:55:44 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement



โกศเขมา
ชื่อสมุนไพร  โกศเขมา
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น โกศหอม (ไทย) , ซังตุ๊ก (จีนแต้จิ๋ว) , ซางจู๋ (จีนกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Atractylodes lancea (Thunb.) DC.
ชื่อสามัญ Atractylodes
วงศ์ Compositae
ถิ่นกำเนิด
โกศขมา [/b]มีบ้านเกิดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนและแมนจูเรีย แถมมณฑลเหอดกน เจียงซู หูเป่ย ซานตง อันฮุย เจ๋อเจียง เจียงซีเสฉวน ฯลฯ แหล่งผลิตที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม คือ บริเวณเหอหนาน แต่ว่าแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุด คือ มณฑลหูเป่ย

ดังนี้ โกศเขมา มีเขตผู้กระทำระจายจำพวกในประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และก็รัสเซียโดยมักจะพบหญ้า ในป่า และตามซอกหิน
ลักษณะทั่วไป
โกศเขมา จัดเป็นไม้ล้มลุกอายุนับเป็นเวลาหลายปี สูง30-100 ซม. เหง้าทอดนอนหรือตั้ง มีรากพิเศษขนาดเท่าๆกันจำนวนไม่น้อย โดยเหง้าออกจะกลมหรือยาว รูปทรงกระบอกมีกลิ่นหอมหวนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 1-2 ซม. ผิวมีลักษณะตะปุ่มตะป่ำ ตะปุ่มตะป่ำ เปลือกคล้ายผิวมะกรูด มีสีน้ำตาลอมเทา สีน้ำตาลเข้ม หรือสีน้ำตาลปนดำ มีรอยย่นและก็รอยบิดตามแนวขวาง เนื้อในแน่น เมื่อฝานหัวออกใหม่ๆจะเป็นสีขาวขุ่นที่เนื้อใน รวมทั้งมีทาสีแสดของชันน้ำมันอยู่กระจายทั่วไปมีกลิ่นหอมยวนใจเฉพาะ รสหวานอมขมนิดหน่อย รวมทั้งเผ็ดร้อน โดยเหง้าใต้ดินนี้เป็นส่วนที่ใช้ทำยาโดยจะเรียกว่า “โกฐเขมา” ส่วนลำต้นขึ้นคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม ไม่แตกกิ่งหรือแตกกิ่งเฉพาะตอนบน มีขนเหมือนใยแมงมุมน้อย
ใบเป็นใบผู้เดียว เรียงเวียนแผ่นใบบางเหมือนกระดาษซึ่งมีหลายแบบแต่ว่าส่วนมากเป็นรูปหอกหยักซี่ฟัน ใบใกล้โดนต้นรูปไข่ กว้าง 5-8 ซม. ยาว 8-12 ซม. ขอบเรียบหรือหยักแบบขน 3-5 แฉก แฉกข้างรูปรีหรือรูปไข่กลับแกมรี แฉกปลายรูปกลม รูปไข่กลับ รูปไข่ หรือรูปรี ก้านใบสั้น ใบบริเวณกึ่งกลางต้นรูปไข่กลับ รูปไข่กลับแกมรี รูปรีแคบ หรือรูปใบหอกกลับ
ช่อดอกออกเป็นแบบช่อกระจุกแน่น ออกโดดเดี่ยวหรือหลายช่อ ตามปลายกิ่ง วงใบประดับประดามี 5-7 แถวขอบมีขนคล้ายใยแมงมุมเล็กน้อย ปลายมน ใบประดับวงนอกรูปไข่ถึงรูปใบหอก กว้าง 2-3 มิลลิเมตรยาว 3-6 มม. ใบประดับประดากึ่งกลางรูปไขถึงรูปไข่แกมรี หรือรูปรี กว้าง 3-4 มม. ยาว 0.6-1 ซม. ใบประดับวงในรูปรีถึงรูปแถบ กว้าง 2-3 มม. ยาว 1.1-1.2 ซม. ปลายใบประดับในสุดอาจมีสีแดง ด้านบนของฐานดอกแบน มีเกล็ดหนาแน่น ดอกสีขาวเป็นดอกบริบูรณ์เพศ หรือดอกเพศเมียที่มีเกสรเพศผู้ลดรูป กลีบหมดจดเป็นขน สีน้ำตาลถึงขาวหม่นหมอง มี 1 แถว โคนชิดกันเป็นวง ยาว 7-8 มม. กลีบดอกยาวราวๆ 9 มิลลิเมตร ปลายเป็น 5 หยัก เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดที่หลอดกลีบ รังไข่อยู่ได้วงกลีบ มี 1 ช่อง ก้านยอดเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียเป็นสามเหลี่ยมมีขนนุ่ม เกสรเพศเมีย แยกเป็น 2 แฉก ผลแบบผลแห้งเม็ดล่อน รูปไข่กลับ
การขยายพันธุ์
โกศเขมา สามารถขยายพันธุ์ได้โดยการใช้เหง้า เหมือนกับพืชหัวธรรมดา โดยเกฐเฉมาสามารถเติบโตได้ดิบได้ดีในพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเล 700-2500 เมตร และอุณหภูมิที่เหมาะสม เป็น 15-22 องศาเซลเซียส เป็นพืชซึ่งสามารถทนต่ออากาศหนาวเย็นได้ และก็เป็นพืชที่มีการเจริญเติบโตดีเลิศ โดยสามารถเติบโตได้ในดินที่หลากหลายทั้งยังบนเขา ซอกเขา ที่ราบบนเขา ซึ่งต้องการชั้นดินที่ดกและก็ลึก เป็นดินร่วนซุยสมบูรณ์บริบูรณ์ การระบายน้ำดี เกลียดน้ำหลากขัง แล้วก็จะเจริญเติบโตก้าวหน้ามากมาย บริเวณพื้นดินที่ไม่สูงนักและเป็นดินร่วนซุยปนทราย โกศเขมาออกดอกรวมทั้งเป็นผลตั้งแต่มิ.ย.ถึงเดือนตุลาคมมีอายุการเก็บเกี่ยวราวๆ 2 ปี
องค์ประกอบทางเคมี โกฐเฉมามีองค์ประกอบทางเคมีเป็นน้ำมันระเหยง่ายร้อยละ 3.5-5.6 น้ำมันระเหยง่ายนี้มีสารสำคัญคือ สารเบตา-ยูเดสมอล (beta-eudesmol) สารอะแทร็กครั้งโลดิน (atractylodin), beta-selinene, alpha-phellandrene, สารไฮนีซอล (hinesol) สารเอลีมอล (elemol) รวมทั้งสารอะแทร็กครั้งลอน (atractylon) แล้วก็ สารกลุ่มpolyacetyletylenes ยกตัวอย่างเช่น1-(2-furyl)-E-nonene-3,5-diyne-1,2-diacetata, erythro-(1,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, threo-(1,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, (3E,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, (3Z,5Z,11Z)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate, (3E,5Z,11E)-tridecatriene-7,9-diyne-3,4-diacetate,(3Z,5E,11E),tridecatriene-7,9-diyne-5,6-diyldiacetate,(1Z)-atractylodin,(1Z)-atractylodinol,(1Z)-acetylatractylodinol(4E,6E,12E)-tetradecatriene-8,10-diyne-1,3-diyl diacetate,4,6,12-tetradecatriene-8,10-diyne-1,3,14-สารกลุ่ม polysacchaccharides ยกตัวอย่างเช่น arabino-3,6-galactans,galacturonic acid รวมถึงสารกรุ๊ปอื่นๆเป็นต้นว่า coumarins (osthol) วิตามินเอ (vetinol) วิตามินบี (thiamine) วิตามินดี(calcifrol) กรดไขมัน (linoleic acid, oleic acid รวมทั้ง palmitic acid)คุณประโยชน์/คุณประโยชน์ โกศเขมา เป็นสมุนไพรที่ใช้ในยาหลายตำรับมากมาย ทั้งยังในตำราแพทย์แผนจีนรวมทั้งแผนไทย มีการการันตีอยู่ในตำรับยาแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ฉบับคริสต์ศักราช 2000 ในชื่อ Rhimosa atractylodis สำหรับเมืองไทยก็มีการใช้มากมาย ตัวยาสมุนไพรที่มีการขึ้นบัญชียาแผนโบราณของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) มี โกศเขมา ถึง 1,100 ตำรับ
ซึ่งตำราตามคุณประโยชน์ยาไทยกำหนดไว้ว่า โกศเขมา มีกลิ่นหอม รสร้อน ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ เป็นยาบำรุงกำลัง แก้โรคเข้าข้อ เป็นยาเจริญอาหาร ยาขับฉี่ แก้โรคในปากในคอ แก้หวัดคัดจมูก แก้ไข้ แก้ไข้รากสาดเรื้อรัง ยับยั้งอาการหอบคล้ายยาอีเฟรดริน
ช่วยขับลม ใช้เป็นยาบำรุง แก้โรคในปากในคอเป็นแผลเน่า แก้ทิ่มแทงสองราวข้าง แก้จุกแน่น แก้หอบหืด แก้ลมตะกัง แก้เหงื่อไหลมากมาย แก้ขาปวดบวม ขาเหนื่อย ปวดข้อ แก้ท้องร่วง นอกเหนือจากนั้นโกฐเขมายังเป็นเลิศในพิกัดโกฐทั้ง 5 โกศอีกทั้ง 7 รวมทั้งโกศทั้งยัง 9 ส่วนในสรรพคุณยาจีนกล่าวว่าแพทย์แผนจีนนิยมใช้โกฐเฉมามาก เข้าในยาจีนหลายขนาน แบบเรียนยาจีนว่าใช้แก้อาการท้องเดินท้องร่วง แก้อาการบวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการบวมที่ขา แก้ปวดข้อ เนื่องจากว่าโรคข้ออักเสบ แก้หวัดและแก้โรคตาบอดกลางคืน
ยิ่งไปกว่านี้บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้โกฐเฉมาในยารักษาลักษณะของโรคในระบบต่างๆของร่างกาย รวม 2 ตำรับ เป็นยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” รวมทั้งตำรับ ”ยาหอมนวโกฐ” มีส่วนประกอบของโกฐเขมาอยู่ในพิกัดโกฐทั้งยัง 9 ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับมีสรรพคุณสำหรับเพื่อการแก้ลมเวียนหัว แก้อาการหน้ามืด ลายตา ใจสั่น คลื่นเหียน อาเจียน แก้ลมจุกแน่นในท้องยารักษากรุ๊ปอาการทางระบบของกิน ปรากฏตำรับ “ยาธาตุบรรจบ” มีส่วนประกอบของโกฐเฉมาร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ ใช้บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ อาการอุจจาระธาตุทุพพลภาพ ท้องเสียชนิดที่ไม่มีสาเหตุจากการได้รับเชื้อ
แบบอย่าง/ขนาดวิธีการใช้
ในตำรายาหมอแผนจีนกำหนดให้ใช้เหง้าต้ม กินทีละ 3-9 กรัม แต่ว่าในบางตำราเรียนก็เจาะจงให้ใช้ 5-12 กรัม ส่วนในตำราเรียนยาไทยชอบใช้เป็นเครื่องยาตามตำรับยา มีวิธีการจัดเตรียมเหง้าโกศเขมาเพื่อใช้ทำยา 3 วิธีเป็น
1. ตากแห้ง โดยแช่เหง้โกศเขมา[/url]ในน้ำสักประเดี๋ยว เพื่อนุ่มลง แล้วหั่นเป็นแว่นหนาๆนำไปตากให้แห้ง จะจับตัวได้ยารสชาติเผ็ดขม อุ่น จะให้คุณประโยชน์ ขับความชื้นเสริมระบบการย่อยอาหารแก้ความชุ่มชื้นกระทบส่วนกลาง (จุกเสียด อึดอัดลิ้นปี่ คลื่นไส้ ไม่อยากอาหาร ท้องร่วง) แก้ปวดข้อรวมทั้งกล้ามเนื้อ ทุเลาอาการไข้หวัดจากลมเย็นหรือความชุ่มชื้น (ป่วย หนาวๆร้อนๆปวดหัว เมื่อยตัว)
2. ผัดรำข้าวสาลี โดยนำรำข้าวสาลีใส่ลงในกระทะตั้งไฟปานกลางกระทั่งควันขึ้น แล้วนำเหง้าโกศเขมาตากแห้งใส่ลงไป คนอย่างรวดเร็วจนถึงผิวของตัวยาเป็นสีเหลืองเข้ม นำออกมาจากเตา แล้วร่อนเอารำข้าวสาลีออก ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นจะมีผลให้ความเผ็ดลดน้อยลง แต่ว่าเนื้อยาจะนุ่มนวลขึ้น แล้วก็มีกลิ่นหอมสดชื่น จะให้สรรพคุณ ช่วยรักษาลักษณะของม้ามแล้วก็กระเพาะอาหารปฏิบัติงานไม่เกี่ยวข้องกัน (กระเพาะปฏิบัติภารกิจย่อยของกินจนได้สารจำเป็น ส่วนม้ามทำหน้าที่ลำเลียงสารจำเป็นนี้ไปใช้ทั่วร่างกาย) แก้เสลดข้น แก้ต้อหิน แก้ตาบอดเวลากลางคืน
3. ผัดไหม้เกรียม โดยนำเหง้าโกศเขมาตากแห้งใส่กระทะ ผัดโดยใช้ไฟปานกลาง จนกระทั่งผิวนอกมีสีน้ำตาลไหม้ ประพรมน้ำบางส่วน แล้วผัดต่อโดยใช้ไฟอ่อนๆจนตัวยาแห้ง นำออกมาจากเตา ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นแล้วร่อนเอาเศษเล็กๆจะจับตัวได้ยารสออกเผ็ด จะให้คุณประโยชน์ ช่วยให้การทำงานของลำไส้แข็งแรง แก้ท้องเดินเป็นหลัก ใช้รักษาอาการท้องเดินเนื่องจากว่าม้ามพร่อง โรคบิดเรื้อรัง
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของไส้ การศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดเหง้าโกฐเขมา และน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากเหง้า เป็น β-eudesmol ต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก และก็ระยะเวลาที่ทำให้กระเพาะว่างในหนูเม้าส์เพศผู้ ที่ถูกกระตุ้นด้วย atropine, dopamine และก็ 5-hydroxytryptamine (5-HT)โดยให้สารสกัดโกฐเฉมาในขนาด 500 หรือ 1000 มก./กก.รวมทั้ง β-eudesmol ขนาด 50 หรือ 100 มก./กิโล และยามาตรฐาน itopride hydrochloride ขนาด 10 หรือ 50 มก./กิโล ผลของการทดสอบพบว่าสารสกัดโกฐเฉมามีฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก รวมทั้งทำให้อาหารเขยื้อนผ่านกระเพาะอาหารเร็วขึ้น ในหนูที่ถูกกระตุ้นด้วยdopamine ขนาด 1 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แล้วก็สารสกัดโกฐเฉมาในขนาด 1000 มก./กก. รวมทั้ง β-eudesmol ขนาด 100 มก./โล มีฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็กในหนูที่ถูกกระตุ้นด้วยatropine แต่ว่าไม่เป็นผลต่อระยะเวลาที่ทำให้กระเพาะว่างยิ่งไปกว่านี้สารสกัดโกฐเฉมาในขนาด 500 หรือ 1000 มิลลิกรัม/กก. และ β-eudesmol ขนาด 25, 50 หรือ 100 มก./กิโล มีฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้เล็ก และทำให้อาหารเขยื้อนผ่านกระเพาะอาหารเร็วขึ้น ในหนูที่ถูกกระตุ้นด้วย 5-HT ขนาด 4 มิลลิกรัม/กิโลหรือ 5-HT3 receptor agonist จากงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยนี้จึงสรุปว่าสารสกัดโกฐเขมาและน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากโกฐเฉมา คือ β-eudesmolทำให้ของกินเคลื่อนผ่านกระเพาะอาหารเร็วขึ้น รวมทั้งกระตุ้นการเคลื่อนไหวของไส้ผ่านกลไลการยับยั้ง dopamine D2 receptor และก็ 5-HT3 receptor สามารถเอามาปรับปรุงยารักษาอาการท้องอืดเฟ้อ อาการคลื่นไส้ อึดอัดแน่นจากอาหารที่อยู่ในกระเพาะอาหาร รักษาโรคกระเพาะอาหาร ซึ่งมีสาเหตุมาจากเส้นประสาทของกระเพาะอาหารถูกทำลาย (gastroparesis) ส่งผลให้กล้ามเนื้อกระเพาะเหน็ดเหนื่อย ทำให้ไม่สามารขับเคลื่อนอาหารให้ผ่านไปยังส่วนต้นของไส้ (duodenum) ได้ จึงมีอาหารเหลือตกค้างในกระเพาะอาหาร
 
ฤทธิ์ต้านทานการปวด
 การทดสอบในหนูพบว่า สาร β-eudesmol มีฤทธิ์ต่อต้านปวดโดยยับยั้ง nicotinc Ach receptor channels ที่neuromuscular junction และพบว่าส่งผลต่อกล้ามของหนูที่เป็นเบาหวานมากยิ่งกว่าหนูปกติ
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ สาร β-eudesmol , atractylochromene , 2-(2E0-3,7-dimethyl-2,6-octadienyl -6-methyi-2,5-cyclohexadiene-1,4-dione , 2-(2’E)-3’7’-dimethyl-2’6’-octadienyl-4-methoxy-6-methylphenol,(3Z,5E,11E)-tridecatriene-7,9-diynyl-1-0-(E)-fenulate มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบโดยยั้งเอนไซม์ 5-lipoxygenase แล้วก็cyclooxygenase-1
ฤทธิ์ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ สารสกัดจากเหง้าของโกฐเขมาเมื่อป้อนให้หนูแรทสายพันธุ์ sprague-dawley ซึ่งถูกรั้งนำให้กำเนิดแผลในกระเพาะโดยใช้กรด acetic acid กระทำเก็บเลือด และก็เซลล์เนื้อเยื่อกระเพาะของหนู วัดระดับของ epidermal growth factor (EGF), trefoil factor 2 (TFF2), tumor necrosis factor-α(TNF-α), interleukin 6, 8 (IL-6, เจ๋ง รวมทั้ง prostaglandin E2 (PGE2) ที่เกิดขึ้น โดยใช้วิธี (ELISA) รวมทั้งวัดการแสดงออกของ mRNA ดังเช่น EGF, TFF2, TNF-α และก็ IL-8 ในกระเพาะอาหาร จะถูกพินิจพิจารณาโดยใช้เคล็ดวิธี real-time-PCR ผลการทดลองพบว่าการถูกทำลายจากกรดของเซลล์เยื่อกระเพาะอาหารลดน้อยลงและก็ยังยั้งการสร้างสารที่เกี่ยงงอนข้องกับการอักเสบอย่างเช่นTNF-α, IL-8, IL-6, แล้วก็ PGE2แล้วก็มีฤทธิ์ป้องกันกระเพาะอาหารโดยเพิ่มการแสดงออกของ mRNA ของ EGF, TFF2เพิ่มการผลิตEGF, TFF2
ฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน สารสกัดน้ำที่มีสาร polysaccharides ที่มีน้ำตาลเชิงเดี่ยวเป็น galacturonic acid มีฤทธิ์กระตุ้นระบบคุ้มครองในหนูที่ติดโรครา Candida albicans ทำให้หนูรอดตายมากเพิ่มขึ้น และก็สารกลุ่ม arabino-3,6-galactan มีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิต้านทานในหนู
ฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร สารสกัดน้ำมีฤทธิ์ทำให้ของกินอยู่ในกระเพาะนานขึ้นสารสำคัญเป็นสารกรุ๊ป polyacetylenes
ฤทธิ์ต้านทานการขาดออกสิเจนในร่างกาย สารสกัดอะซิโตนมีฤทธิ์ต้านทานการขาดออกสิเจนในร่างกายหนูถีบจักรเนื่องด้วยสารโปตัสเซียมไซยาไนด์ สาระสำคัญคือ β-eudesmol
ฤทธิ์แก้ท้องขึ้นเฟ้อ ฤทธิ์เพิ่มช่วงเวลาที่ทำให้กระเพาะอาหารว่าง ของน้ำมันหอมระเหยจากเหง้าโกฐเขมา ในหนูแรทเพศผู้ สายพันธุ์วิสตาร์ ที่อยู่ในภาวะเครียด รวมทั้งผลของฮอร์โมนที่ควบคุมรูปแบบการทำงานของกระเพาะและก็ไส้ ซึ่งหลั่งจากต่อมไฮโปธาลามัส หรือ corticotropin-releasing factor (CRF) ทดสอบโดยป้อนน้ำมันหอมระเหยจากเหง้า ในขนาดต่างๆคือ 30,60 แล้วก็ 120 mg/kg ต่อวัน แก่หนูตรงเวลา 7 วัน พบว่าไม่มีผลเปลี่ยนขณะที่ทำให้กระเพาะอาหารว่างในหนูปกติ แม้กระนั้นส่งผลทำให้เพิ่มช่วงเวลาที่ทำให้กระเพาะว่างได้ในหนูที่มีภาวการณ์เครียด น้ำมันหอมระเหยสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมน motilin (MTL) และก็ gastrin (GAS) และลดระดับ somatostatin (SS) แล้วก็ CRF อย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่ากลไกสำคัญเกี่ยวข้องกับระดับฮอร์โมน เป็นยั้งการหลั่ง CRF ซึ่งผลพวกนี้ทำให้เพิ่มระยะเวลาที่ทำให้กระเพาะอาหารว่างเร็วขึ้น ก็เลยลดอาการเจ็บป่วยท้อง ท้องเฟ้อเฟ้อจากความตึงเครียดในหนู (สภาวะเครียดทำให้หลักการทำงานของกระเพาะอาหารรวมทั้งไส้น้อยลง)
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา
การทดลองพิษกระทันหันของสารสกัดเหง้าด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 โล (คิดเป็น 1,786 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) และก็ให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ไม่พบอาการเป็นพิษ
คำแนะนำ/ข้อความระวัง
1. คนเจ็บที่มีอาการท้องร่วง ที่มีอุจจาระร่วงเป็นน้ำ ควรที่จะใช้โกศเขมาด้วยความระแวดระวัง
2. สตรีมีครรภ์และก็สตรีให้นมลูกควรจะขอคำแนะนำแพทย์ รวมทั้งผู้เชียวชาญก่อนใช้เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยในสตรีท้องแล้วก็สตรีให้นมลูก
3. อาการข้างๆที่พบได้ในผู้ที่ใช้  โกศเขมาคือ คลื่นไส้ อาเจียน ปากแห้ง และก็มีกลิ่นปาก
4. ไม่สมควรใช้โกฐเฉมาในปริมาณที่มากเหลือเกินหรือใช้เป็นระยะเวลานานเนื่องจากว่าบางทีอาจมีผลต่อระบบต่างๆของร่างกายได้
เอกสารอ้างอิง
1. วิทยา บุญวรพัฒน์.“โกฐเฉมา”.หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยครั้งในประเทศไทย. หน้า 102.
2. นพมาศ เพราะเจริญก้าวหน้าความสนุก.โกฐเฉมา จุลสารข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ปีที่28 .ฉบับที่ 3 เมษายน 2554.หน้า17-19
3. ชยันต์ พิเขียรสุนทร แม้มาส ชวลิต สายฟ้า จีรวงศ์.คำชี้แจงแบบเรียนพระยาพระนารายณ์.จังหวัดกรุงเทพ: สถานที่พิมพ์อมรินทร์.2542 https://www.disthai.com/[/b]
4. “โกฐเฉมา Atractylis”. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.หนังสือสมุนไพรสวนสิรีต้นไม้. หน้า 217.
5. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. 2546. ประเมินผลงานศึกษาค้นคว้าวิจัยด้านพิษวิทยา ของสถาบันวิจัยสมุนไพร เล่ม 1.สำนักพิมพ์การศาสนา:จังหวัดกรุงเทพ.
6. โกศเขมา.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ ม.อบ. (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก http://www.thaicrudedrug.com/main.php?action=viewpaye&pid=27
7. Yu KW, Kiyohara H, Matsumoto T, Yang HC, Yamada H. lntestinal immune system modulating poly-saccharides from rhizomes of Atractylodes lancea. Planta Med 1998;64(เจ๋ง:714-9.
8. Kimura Y, Sumiyoshi M. Effects of an Atractylodes lancea rhizome extract and a volatile component beta-eudesmol on gastrointestinal motility in mice. J Ethnopharmacology. 2012;141:530-536.
9. Yu Y, Jia T-Z, Cai Q, Jiang N, Ma M-Y, Min D-Y, et al. Comparison of the anti-ulcer activity between the crude and bran-processed Atractylodes lancea in the rat model of gastric ulcer induced by acetic acid. J Ethnopharmacology. 2015;160:211-218.
10. Nakai Y, Kido T,Hashimoto K, Kase Y, Sakakibara l, Higuchi M, Sasaki H. Effect of the rhizomes of Atractylodes lancea and its constituents on the delay of gastric emptying. J Ethnopharmacol 2003;84(1):51-5.
11. Lehner MS, Steigel A, Bauer R. Diacetoxy-substituted polyacetyenes from Atractylodes lancea. Phyto-chemistry 1997;46(6):1023-8
12. Resch M, Heilmann J,Steigel A, Bauer Rauer R. Futher phenols and polyacetyenes from the rhizomes of Atractylodes lancea and their anti-inflammatory activity. Planta Med 2001;67(5):437-42.
13. Zhang H, Han T, Sun L-N, Huang B-K, ChenY-F, Zheng H-C, et al. Regulative effects of essential oil from Atractylodes lancea on delayed gastric emptying in stress-induced rats. Phytomedicine. 2008;15:602–611.
14. Chiou LC, Chang CC. Antagonism by β-eudesmol of neostigmine-induced neuromudcular failure in mouse diaphragms. Eur J Pharmacol 1992;216(2):199-206.
15. Kimura M, Nojima H, Muroi M, Kimura l. Mechanism of the blocking action of β-eudesmol on the nicotic acetylcholine receptor channel in mouse skeletal muscles. Neuropharmacology 1991;30(เจ๋ง:835-41.
16. Kimura M, Tanaka K, Takamura Y, Nojima H, Kimura l, Yano S, Tanaka M. Structural componets of beta-eudesmol essential for its potentiating effect on succinylcholine-induced neuromuscular blockade in mice. Biol Pharm Bull 1994;17(9): 1232-40.
17. Yamahara J, Matsuda H, Naitoh Y, Fujimura H, Tamai Y. Antianoxic action and active constituents of atractylodis lanceae rhizome. Chem Pharm Bull 1990;38(7):2033-4.
18. Lnagaki N, Komatsu Y, Sasaki H, Kiyohara H, Yamada H, lshibashi H, Tansho S, Yamaguchi H, Abe S, Acidic polysaccharides from rhizomes of Atractylodes lancea as protective principle in Candida-lnfected mice. Planta Med 2001;67(5):428-31.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ