อัญชัน มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อัญชัน มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างไร  (อ่าน 33 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ำพ
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 39


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ธันวาคม 06, 2018, 09:21:25 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement



อัญชัน
ชื่อสมุนไพร  อัญชัน
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น อัญชันบ้าน , อัญชันเขียง (ภาคกลาง) , เอื้องจัน , เอื้องชัน , อังจัน (ภาคเหนือ) ,แดงจัน (เชียงใหม่)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Clitorea ternatea Linn.
ชื่อสามัญ  Butterfly Pea , Blue Pea , Shell creeper.
วงศ์  Fabaceae (Leguminosae-Papilionoideae)

ถิ่นกำเนิด
อัญชันในเขตร้อนแถบทวีปเอเชียแล้วก็อเมริกาใต้ (แต่ว่าบางตำราพูดว่าอยู่ที่อินเดีย) แล้วมีการแพร่ประเภทไปในเขตร้อนต่างๆทั่วทั้งโลกรวมถึงในออสเตรเลีย อเมริกา และภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ยกตัวอย่างเช่น ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่าฯลฯ สำหรับในประเทศไทย อัญชันน่าจะมีการแพร่ระบาดจำพวกมานานแล้ว เนื่องจากเจอในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ ของแพทย์ปรัดเล พ.ศ.2416 เอ๋ยถึงอัญชันว่า"อัญชัน : เปนชื่อเครือเถาวัลอย่างหนึ่ง มันมีดอกเขียวบ้าง ขาวบ้าง ไม่มีกลิ่น" และสามารถพบมากในป่าโล่งแจ้ง หรือในที่กึ่งร่ม อีกทั้งป่าเบญจพรรณในพื้นด้านล่างจนถึงไปถึงป่าดิบเขาสูง
โดยอัญชันที่พบในประเทศไทย มีอีกทั้งชนิดบ้านที่ผ่านการคัดเลือกให้ดอกใหญ่ ดก สีแก่ ฯลฯ กับพันธุ์ที่ขึ้นเองตามที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งเป็นประเภทดอกชั้นเดี่ยว ดอกเล็ก และสีไม่เข้ม ซึ่งชาวไทยจำนวนมาก นิยมปลูกอัญชันดอกสีน้ำเงินเข้ม กลีบซ้อน ดอกขนาดใหญ่แล้วก็ ดก เพราะนอกจากงามแล้ว ยังใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ได้หลายชนิด อีกด้วย
ลักษณะทั่วไป อัญชันจัดอยู่ในสกุล Fabaceae ซึ่งเป็นตระกูลของถั่วในกลุ่มถั่วฝักเม็ดกลม (pea) ดังเช่น ถั่วลันเตา (green pea) ถั่วแระต้น (congo pea) ถั่วพู(manila pea)
โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกเลื้อยพัน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วหรือซุ้ม เถากลมเล็กเรียว สีเขียวอ่อน เถาอ่อน กิ่งอ่อน หูใบ ก้านใบ แกนใบประกอบ แผ่นใบข้างล่าง ก้านดอก ใบแต่งแต้ม รวมทั้งกลีบเลี้ยง มีขนนุ่ม แตกกิ่งก้านตามข้อใบ เถายาว 1-5 เมตร ใบประกอบแบบขนนกปลายคี่ เรียงสลับ ใบย่อย 2-3 คู่ ใบบาง สีเขียว แต่ละใบมี ใบย่อย 5-9 ใบ ใบย่อยรูปวงรีแกมขอบขนานหรือรูปวงรีแกมไข่กลับ กว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 2-5 เซนติเมตร ศูนย์กลางใบประกอบยาว 3-7 ซม. รวมก้านที่ยาว 1-3 เซนติเมตร ผิวใบมีขนปกคลุมทั้งสองด้าน หรือบางครั้งผิวด้านบนสะอาด ขอบของใบเรียบ โคนใบสอบ ปลายใบมน ปลายเป็นติ่งแหลมสั้นๆแผ่นใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างจะบาง เส้นกิ้งก้านใบ ข้างละ 4-5 เส้น หูใบรูปใบหอก ขนาดเล็ก ปลายแหลมยาว ยาว 2-5 มิลลิเมตร ดอกโดดเดี่ยว ออกที่ซอกใบ มี 1-2 ดอก กลีบ รูปดอกถั่ว มี 5 กลีบ แบ่งเป็น 2 ปาก ปากล่างขนาดใหญ่ ขอบมน กลีบดอกไม้ย่นบาง ตรงกลางดอกมีแถบสีเหลืองขาว กลีบเลี้ยงสีเขียวมี 5 กลีบ โคนชิดกัน ยาว 1.5-2 เซนติเมตร แผ่นกลีบบาง ปลายแยกเป็น 5 แฉก แฉกลึกราวครึ่งหนึ่งหรือน้อยกว่า ปลายแฉกแหลมยาว ดอกมีสีสีน้ำเงิน ม่วง หรือขาว ตรงกลางกลีบสีเหลืองหม่นหมองขอบสีขาว รูปดอกถั่ว แต่ละกลีบมีขนาดไม่เท่ากัน มีกลีบใหญ่ที่สุด 1 กลีบ ซึ่งจะมีจุดทาสีเหลืองกึ่งกลางกลีบจำพวกนี้เรียกว่าพันธุ์ดอกลา บางเวลากลีบดอก 5 กลีบมีกลีบใหญ่มากกว่า 1 กลีบ ทำให้ดูเหมือนกับว่ามีกลีบดอกไม้หลายชั้น เรียกว่าชนิดดอกซ้อน กลีบกึ่งกลางรูปรีกว้างเกือบกลม ยาวประมาณ 3.5 ซม.ก้านกลีบสั้นๆในดอกสีน้ำเงินหรือชมพูมีปื้นสีขาวตอนกึ่งกลางกลีบด้านโคน กลีบปีกรวมทั้งกลีบคู่ข้างล่าง ขนาดเล็กกว่ากลีบกลางราวๆ กึ่งหนึ่ง มีก้านกลีบเรียวยาวเท่าแผ่นกลีบกลีบข้างรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนาน กลีบคู่ด้านล่างรูปรี เกสรเพศผู้ติดสองกรุ๊ป 9 อัน ติดกันราว 2 ใน 3 ส่วน สะอาด ยาวเท่ากลีบปีกแล้วก็กลีบคู่ล่างรังไข่รูปทรงกระบอก ยาวราว 5 มม. มีขนยาวก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว มีขนยาวหนาแน่นช่วงปลายภายใน ก้านช่อยาวราว 5 มิลลิเมตร ใบตกแต่งขนาดเล็กออกเป็นคู่ ยาว 2-3 มม. ใบแต่งแต้มย่อยมีขนาดใหญ่กว่าใบประดับ มี 1 คู่ รูปไข่กว้างเกือบจะกลม ขนาดโดยประมาณ5 มิลลิเมตร มีเส้นใบแจ่มกระจ่าง ก้านดอกสั้นๆยาว 2-3 มม. ผลเป็นฝัก รูปดาบ แบนยาว ขนาดกว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 5-12 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ปลายเป็นจะงอยสั้นๆฝักอ่อนมีสีเขียว เพียงพอแก่มีสีน้ำตาลอ่อน แตกเป็น 2 ฝา เม็ดรูปไตสีดำ ยาวได้ราว 5 มม. จำนวน 6-10 เม็ด
ปกตินั้น ดอกอัญชันมี 3 สี คือ สี ขาว สีน้ำเงิน และสีม่วง ชนิดดอก สีม่วงนั้นบางตำราเรียนว่ามีสาเหตุจากการผสมพันธุ์ระหว่างประเภทดอกสีขาวกับชนิดดอกสีน้ำเงิน ซึ่งนักเขียนไม่แน่ใจว่าถูก เพราะเคยเห็นอัญชันดอกขาวบางต้น มีกลีบสีขาวลายน้ำเงิน หมายความว่าเป็นพันธุ์ผสมระหว่างดอกขาวกับดอกสีน้ำเงิน แม้กระนั้นข่มกันไม่ลงก็เลยแสดงออกมาทั้งยัง 2 สี ไม่แปลงเป็นสีม่วงอย่างที่บอกในบางแบบเรียน
การขยายพันธุ์ อัญชันเป็นไม้เถาที่ปลูกง่าย มีความแข็งแรง ทนทาน ก็เลยมีการปลูกทั่วๆไป โดยนิยมนำมาปลูกเป็นพืชหลังบ้าน ริมรั้ว หรือ ซุ้มไม้ ส่วนการขยายพันธุ์สามารถทำได้ด้วยการใช้เมล็ด ซึ่งมีวิธีการปลูกคือ หากปลูกเพื่อการค้าให้ปรับดินโดยการไถกระพรวนแล้วให้ปุ๋ยคอมในอัตรา 1 ต้น ต่อไร่ แล้วหว่านเมล็ดอัญชันลงไปในอัตรา 0.5-1 กิโลต่อไร่ แล้วก็ให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ แม้กระนั้นโดยส่วนมากชอบนิยมปลูกในฤดูฝนเพราะเหตุว่าไม่ต้องให้น้ำ ส่วนการปลูกเป็นไม้ประดับให้ยกร่องขนาดกว้าง 1.20 เมตร ส่วนขนาดความยาวตามที่อยากได้ หลังจากนั้นย่อยดินแล้วก็ผสมปุ๋ยธรรมชาติลงไปแล้วขุดหลุมหยอดเม็ด หรือนำต้นกล้าที่เพาะได้ลงปลูก โดยใช้ระยะปลูก (กว้างxยาว) 1x1 เมตร แล้วปักหลักรวมทั้งทำค้างให้เถาเลื้อยเกาะ รดน้ำให้ชุ่มทุกวี่ทุกวันในช่วงสัปดาห์แรก โดยทั่วไปแล้วอัญชันชอบขึ้นกลางแจ้งที่ได้ รับแดดเต็มกำลังถูกใจดินร่วนซุยปนทรายที่ค่อนข้างจะร่วนซุยแต่ว่ามีการระบายน้ำได้ดิบได้ดี ปกติอัญชันจะเลื้อย ได้ยาวราวๆ ๗ เมตร เมื่อถึง ฤดูแล้งจะแห้งตายไป แต่ถ้ามีน้ำ พอเพียงรวมทั้งดูแลอย่างเหมาะสม ก็สามารถปลูกและได้ดอกอัญชันทั้งปี
เม็ด มีสาร adenosine, arachidic acid, campesterol, 4-hydroxycinnamic acid, p-hydroxy cinnamic acid, Clitoria ternatea polypeptide, ethyl-D-D-galactopyranoside, hex acosan-1-ol, palmitic acid, stearic acid, oleic acid, linoleic acid, linolenic acid, delphinidin 3,3´,5´-triglucoside, ß-sitosterol, J-sitosterol, avonol-3-glycoside, 3,5,7,4´-tetrahydroxy avone, 3-rhamnoglucoside แล้วก็ anthoxanthin glucoside
ดอก มีสารในกรุ๊ป ternatins เช่น ternatin A1, A2, A3, B1, B2, B3, B4, D1 และก็ D2 สารที่ให้สีน้ำเงินในดอกคือ สาร delphinidin-3,5-diglucoside, delphinidin 3-O-ß-D-glucoside, 3´-methoxy-delphinidine-3-O-ß-D-glucoside
ใบ มีสาร aparajitin, astragalin, clitorin, ß-sitosterol, kaempferol-3-monoglucoside, kaempferol-3-rutinoside, kaempferol-3-O-rhamnosyl-galactoside, kaempferol3-O-rhamnosyl-O-chalmnosyl-O-rhamnosyl-glucoside, kaempferol3-neohesperiodoside, และ kaempferol-3-O-rhamnosyl-glucoside
 
ผลดี / สรรพคุณ
 
อัญชันมีการประยุกต์ใช้ทำประโยชน์หลายสิ่งหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น สีจากดอกอัญชัน นิยมใช้ดอกสีน้ำเงินซึ่งมีสาร Anthocyanin ใช้ ทำสีขนม ได้แก่ ขนมดออัญชัน[/url] ขนมช่อม่วง ทำน้ำดื่มสมุนไพร ได้ น้ำสีม่วงสวยเพราะว่าสีของดอกอัญชันละลายน้ำได้รวมถึงสีเปลี่ยน ไปตามความเป็นกรดด่างเหมือน กระดาษลิตมัสที่ใช้วิเคราะห์ความเป็นกรดด่างของสารละลาย ส่วนดอกอัญชันสามารถใช้รับประทานเป็นผักได้อีกทั้ง จิ้มน้ำพริกสดๆหรือชุบแป้งทอด
ในปัจจุบันอัญชัน ซึ่งถูกนำมาปรับปรุงเป็นผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ อย่างเช่น ยาสระผม รวมทั้งยานวดผมจากดอกอัญชัน (สีน้ำเงิน) กำลัง ได้รับการพัฒนาให้นำสมัยและมีคุณค่าเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณสมบัติของดอกอัญชันสำหรับในการรักษาเส้นผมให้ดกดำ ป้องกันผมหล่นและช่วยปลูก ผมให้ดกดกขึ้น รวมทั้งใช้เอามาเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางหรือใช้ทำเป็นสีผสมอาหารฯลฯ
นอกเหนือจากนั้นหลายประเทศในแถบเอเซียอาคเนย์ นิยมใช้ดอกหุงกับข้าวเพื่อให้ข้าวมีสีม่วงหรือสีน้ำเงินอ่อน ทำให้น่ากินยิ่งขึ้น แล้วก็ในประเทศฟิลิปปินส์ใช้ฝักอ่อนรับประทานเป็นผัก ประเทศมาเลเซียมักปลูกเป็นพืชหุ้มแปลงสวนยาง บางประเทศในแถบแอฟริกาปลูกเป็นพืชปกคลุมแปลงบำรุงดิน หรือปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วบ้าน และก็ใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ ส่วนคุณประโยชน์ทางยานั้น ตามตำรายาไทย ใช้ เม็ด รสมัน เป็นยาระบาย แต่ว่ามักทำให้อ้วกคลื่นไส้ ราก รสขมเย็น
(นิยมใช้ รากดอกขาว) ขับเยี่ยว แก้ฉี่ทุพพลภาพ เป็นยาระบาย ฝนหยอดตาแก้ตาเจ็บ ตาพร่า ทำให้ตาสว่าง บำรุงดวงตา ใช้รากแปรงฟัน ทำให้ฟันทน แก้ปวดฟัน ราก รสเบื่อเมา ปรุงเป็นยารับประทานรวมทั้งพอก ถอนพิษสุนัขบ้า ดอก โบราณใช้อัญชันสำหรับเพื่อการปลูกผมรวมทั้งขนคิ้วเด็กทารก หยุดการหล่นของหนังหัวอ่อนแอย้อมสีผมหงอกให้เป็นสีดำ ใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาแก้ฟกช้ำบวม แก้พิษแมลงกัดต่อย ใบและก็รากฝนเอาน้ำหยอดตา แก้ตาแฉะ ตาฝ้า ส่วนตำราเรียนยาพื้นเมือง ใช้ ราก ฝนกับรากสะอึกและก็น้ำแช่ข้าว กินหรือทา แก้งูสวัด
ในการใช้ประโยชน์ในต่างประเทศ ตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของประเทศอินเดีย มีการนำส่วนรากและก็เม็ดของอัญชันใช้เป็นยาบำรุงร่างกายและบำรุงสมอง รวมถึงใช้เป็นยาระบายและขับฉี่รวมทั้งในแถบอเมริกา มีรายงานการใช้น้ำสุกจากส่วนรากเพียงอย่างเดียวหรือน้ำต้มจากรากรวมทั้งดอกด้วยกันเป็นยาบำรุงโลหิต ส่วนเมล็ดใช้เป็นยาระบายขับเยี่ยว แล้วก็ขับพยาธิ ส่วนสำหรับการแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าดอกอัญชันมีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารสีม่วงอยู่มาก มีคุณลักษณะเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้เป็นอย่างดีเยอะขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้นว่า เส้นโลหิตส่วนปลาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมเยอะขึ้น หรือทำให้กลไกสถานที่ทำงานเกี่ยวกับมองเห็นแข็งแรงขึ้น ด้วยเหตุว่ามีหลอดเลือดมากยิ่งขึ้นรวมทั้งที่สำคัญยังช่วยลดความเสื่อมของการเกิดภาวการณ์เส้นโลหิตตัน ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ช่วยสำหรับเพื่อการชะลอวัยและก็ริ้วรอยแห่งวัย ช่วยสำหรับการบำรุงสมอง ช่วยล้างพิษและของเสียออกมาจากร่างกาย ช่วยต่อต้านโรคเบาหวานเป็นต้น
ต้นแบบ / ขนาดวิธีใช้ ใช้บำรุงดวงตา แก้ตาเจ็บขับปัสสาวะ แก้เหน็บชา ดอกอัญชันอบแห้ง 20 กรัม เพิ่มเติมน้ำสะอาด 500 ซีซี ต้มกระทั่งเดือนแล้วหลังจากนั้นต้มต่ออีก 2 นาที ยกลง ปลดปล่อยให้เย็น กรองใส่ขวดใช้กิน แก้ปวดฟัน , ช่วยทำให้ฟันทน ใช้รากสดเช็ดตามฟันซีที่อยากได้ , แก้ตาเจ็บ , บำรุงดวงตา ใช้รากฝนกับน้ำแล้วหยอดตาหรือใช้รากต้มกับน้ำใช้ดื่ม เป็นยาระบาย ขับเยี่ยวแก้เยี่ยวทุพพลภาพ ดอกสดใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่ฟกช้ำรวมทั้งใช้แก้พิษแมลงกัดต่อย
 
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
 
ฤทธิ์เครียดน้อยลงรวมทั้งกังวล ศึกษาฤทธิ์คลายเครียดรวมทั้งวิตกกังวลของพืชที่มีสรรพคุณบำรุงสมองตามตำราอายุรเวชศาสตร์ของอินเดีย พบว่าสารสกัดเมทานอล รากอัญชัน ขนาด มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีผลความหนักใจน้อยลงของหนูเม้าส์ เมื่อทดลองด้วยวิธี elevated plus-maze (EPM) ซึ่งเป็นกรรมวิธีทดสอบที่ทำให้หนูเกิดความหวาดกลัว และก็การป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 50, 100 แล้วก็ 200 มก./กก. น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ก่อนนำไปทดลองรั้งนำให้เกิดความเครียดด้วยแนวทาง forced swimming test (FST) พบว่าสารสกัดเมลานอลรากอัญชันทุกขนาด มีฤทธิ์ต่อต้านความเคร่งเครียด โดยการทำให้ค่า immobility time period ลดน้อยลง เมื่อเทียบกับหนูที่ถูกป้อนด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว แล้วก็ในการศึกษาวิจัยฤทธิ์ระงับความเครียดของอัญชัน ในหนูแรทด้วยวิธี tail suspention test (TST) แล้วก็ FST โดยทำการป้อนสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน ขนาด 150 และก็ 300 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว พบว่าสารสกัดเอทานอลนากอัญชันทั้งสองขนาดมีฤทธิ์ระงับความเครียดของหนูแรทจากการทดสอบทั้งสองแบบ โดยมีค่า immobility time period ลดน้อยลงเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม
การป้อนสารสกัดเมทานอลจากส่วนเหนือดินของอัญชันขนาด 30,100,200 และ 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ 60 นาทีก่อนนำไปทดลองด้วยแนวทางต่างๆตัวอย่างเช่น EPM, TST แล้วก็ light/dark exploration พบว่าสารสกัดเมทานอลอัญชันขนาด 100 – 400 มิลลิกรัม/กก.น้ำหนักตัว มีฤทธิ์คลายความเครียดรวมทั้งวิตกเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม นอกจากนั้นการฉีดสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน ขนาด 100 และก็ 200 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว เข้าทางท้องหนูแรทมีฤทธิ์คลายความกังวล เมื่อทำการทดลองด้วยแบบต่างๆอาทิเช่น EPM, TST และ Rota Rod test โดยขนาด 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ได้ผลดีกว่าขนาด 100 มก./กิโลกรัมน้ำหนักตัว

ฤทธิ์กระตุ้นการเรียนรู้แล้วก็ความจำเรียนฤทธิ์กระตุ้นการเรียนและก็ฟื้นฟูความจำของสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน จากภาวการณ์ความจำไม่ดีที่มีสาเหตุจากการป่วยเป็นโรคโรคเบาหวาน โดยการทำการทดสอบในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เป็นเบาหวานด้วยการฉีด streptozotocin หลังจากนั้นป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันให้กับหนูขาววันละ 200-400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว นาน 75 วัน วัดความสามารถสำหรับเพื่อการจำตำแหน่งของวัตถุหรือสิ่งที่อยู่รอบตัวด้วยวิธีการต่างๆได้แก้ Y-maze test , mirrow water maze test และก็ radial arm maze test ในวันที่ 71 และก็ 75 ของการทดสอบ ผลจากการเรียนพบว่า หนูที่ถูกป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งคู่ขนาด มีความรู้ความสามารถสำหรับการเรียนรู้แล้วก็ความจำดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกรุ๊ปควบคุม นอกจากนั้นจากการตรวจวัดค่าวิชาชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งคู่ขนาด มีความรู้ความเข้าใจสำหรับในการเรียนรู้แล้วก็ความจำดีขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกลุ่มควบคุม นอกเหนือจากนั้นจกาการตรวจวัดค่าชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน มีผลยั้งหลักการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี acetycholinesterase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ปฏิบัติหน้าที่สลายacetylcholine ที่ปฏิบัติภารกิจเป็นสารสื่อประสาท เกี่ยวโยงกับแนวทางการเรียนรู้แล้วก็ความจำ นอกนั้นยังเพิ่มระดับของเอนไซม์ที่เกี่ยวโยงกับขั้นตอนการต้านทานอนุมูลอิสระ ตัวอย่างเช่น superoxide dismutase (SOD) ,catalase (CAT) รวมทั้ง glutauhione (GSH) อีกด้วยทำให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลใบอัญชันมีฤทธิ์บำรุงสมองกระตุ้นการเรียนรู้รวมทั้งช่วยฟื้นความจำ จากสภาวะที่มีอาการป่วยด้วยโรคเบาหวานในตัวทดลองได้ แล้วก็จากการเรียนรู้ฤทธิ์ความเครียดลดลงและก็วิตกของพืชที่มีสรรพคุณบำรุงสมองตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของอินเดียพบว่า สารสกัดเมทานอล 80% จากรากอัญชัน ขนาด100 รวมทั้ง 200 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว เมื่อป้อนให้แก่หนูเม้าส์ มีผลกระตุ้นการศึกษาและก็ความจำของหนู เมื่อทดลองด้วยวิธี step-down passive avoidance model ซึ่งเป็นกระบวนการทดลองความประพฤติปฏิบัติหลบการเสริมแรงทางลบ (negative reinforcement)
การศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์กระตุ้นการเรียนและความจำของอัญชันในหนูแรททารก (อายุ 7 วัน) โดยการทำการป้อนสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาดวันละ 50และก็ 100 มิลลิกรัม/กก. นาน 30 วัน แล้วนำไปทดสอบกระบวนการเรียนรู้แล้วก็จำด้วยวิธี passive avoidance test แล้วก็ T-maze test พบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดน้ำอัญชันให้ผลการทดลองดีมากกว่าหนูกรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยไม่มีผลต่ออัตราการเคลื่อนไหวหรือนำไปสู่อาการเซื่องซึม นอกเหนือจากนั้นยังพบว่าสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาด 100 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีผลเพิ่ม acetylcholine ในสมองรอบๆ hippocampus ของหนูแรททั้งยังในวัยแรกเกิดรวมทั้งหนูที่อยู่ในวัยสมบูรณ์ประเภทอีกด้วย
ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบแล้วก็แก้ปวด เรียนฤทธิ์แก้ปวดของอัญชันในหนูเม้าท์ที่ถูกรั้งนำให้กำเนิดลักษณะของการเจ็บปวดด้วยการฉีดกรดอะซีติเตียนก (acetic acid) เข้าทางท้อง ภายหลังได้รับสารทดสอบ แบ่งหนูเม้าส์ออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 เป็นกรุ๊ปควบคุม กรุ๊ปที่ 2 ป้อนยาแก้ปวด diclofenac sodium ขนาด 10 มก./กก.น้ำหนักตัว กลุ่มที่ 3 และ 4 ป้อนสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 และ 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัวตามลำดับ แล้วสังเกตการกระทำการบิดงอตัวของหนู ซึ่งเป็นอาการแสดงออกถึงความเจ็บปวด ผลจากการทดลองพบว่า หนูเม้าส์ที่ได้รับสารสกัดเมทานอลใบอัญชันทั้งคู่กรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และก็พบว่าสารสกัเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันให้ผลดีมากกว่ากลุ่มที่ให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การต่ำลงของอาการบิดขดตัว (%inhibition of writhing) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม กรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 และก็ 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัวมีค่าเท่ากับ 82.67 รวมทั้ง 87.87 % เป็นลำดับ ในระหว่างที่กรุ๊ปที่ได้รับยาแก้ปวด diclofenac sodium มีค่าพอๆกับ 77.72% แสดงให้เห็นว่าสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันมีฤทธิ์แก้ปวด และก็ในการศึกษาเรียนรู้ฤทธิ์แก้อักเสบของอัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้มีการบวมและก็อักเสบด้วยการฉีดสาร carrageenan เข้าที่เข้าทางบริเวณฝ่าตีน โดยทำการป้อนสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชัน ขนาด 200 และ 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว เปรียบเทียบกับการให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium สังเกตและก็วัดลักษณะของการปวดของอุ้งเท้าหนูด้วยเครื่อง plethismometer ผลจากการทดลองพบว่า หนูที่ได้รับสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ ดอกอัญชันทั้งสองขนาดมีลักษณะบวมของฝ่าเท้าน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และก็เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การลดน้อยลงของอาการบวมของฝ่าตีน (%inhibition of paw) เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม กรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 200 และ 400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว มีค่าเท่ากับ 14 และ 21% เป็นลำดับ และก็กรุ๊ปที่ได้รับยาพารา diclofenac sodium เท่ากับ 38% แสดงให้เห็นว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบแต่ว่ายังมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายา diclofenac sodium นอกจากนั้นเมื่อศึกษาวิจัยฤทธิ์แก้ปวดของสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันทั้งคู่ขนาดในหนูเม้าส์ เปรียบเทียบกับยาพารา pentazocine ซึ่งฉีดเข้าทางท้องหนู โดยทดลองด้วยวิธี Eddy's hot plate method พบว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 400 มก./กก. น้ำหนักตัว มีฤทธิ์ต่อต้านลักษณะของการเจ็บปวด แต่ยังมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายา pentazocine
ฤทธิ์ช่วยสำหรับในการนอนหลับ เล่าเรียนฤทธิ์ด้านเภสัชวิทยาระบบประสาท (neurophamacological study) ของอัญชันในหนูเม้าส์ โดยการฉีดสารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าช่องท้องขนาด 50,100 แล้วก็150 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ก่อนนำไปทดลองด้วยวิธี head dip test และก็ Y-maze test พบว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชันขนาด 100 และ 150 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีผลลดอาการผงกศีรษะ (head dip) และก็ช่วงเวลาการวิ่งในกล่องรูปตัว Y ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม ซึ่งทำให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน มีฤทธิ์ลดความประพฤติการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติแล้วก็ความพอใจต่อสิ่งแวดล้อมของหนูเม้าส์ นอกเหนือจากนั้นยังพบว่า สารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าทางท้องของหนู 30 นาที ก่อนฉีดยานอนหลับดังที่กล่าวมาแล้ว โดยทำให้ช่วงเวลาการนอนของหนูนานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการฉีดยาphenobarbitone เพียงอย่างเดียว

ฤทธิ์ต้านทานการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด การวิเคราะห์แยกสารanthocyanin กรุ๊ป ternatins ที่สกัดได้จากดอกอัญชัน รวมทั้งศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นในหลอดทดลอง (in vitro) พบว่า สาร ternatin D1 จากดอกอัญชันมีคุณสมบัติยับยั้งการยึดกลุ่มของเกล็ดเลือดกระต่ายที่เหนี่ยวนำโดย collagen และก็ adenosine diphosphate (ADP)
ฤทธิ์ลดไข้ เรียนรู้ฤทธิ์ลดไข้ของอัญชันในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นด้วยการฉีดเชื้อยีสต์เข้าทางด้านใตนผิวหนัง ขนาด 10 มิลลิลิตร/กิโลกรัม น้ำหนักตัว หลังจากนั้น 19 ซม.แบ่งหนูออกเป็น 5 กลุ่ม (กรุ๊ปละ 6 ตัว) กรุ๊ปที่ 1 ให้เป็นกรุ๊ปควบคุม กลุ่มที่ 2 ป้อนยาพาราเซตามอลขนาด 150 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว กรุ๊ปที่3-5 ป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 200 , 300 แล้วก็ 400 มก./กก. น้ำหนักตัว ตามลำดับ ทำการวัดอุณหภูมิร่างการทางทวารหนักของหนูที่ชั่วโมง 0,19,20,21,22 แล้วก็ 23 ของการทดลองพบว่า สารสกัดเมทานอลรากอัญชันทุกขนาดมีผลลดอุณหภูมิร่างกายของหนูลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม และก็ให้ผลไม่ต่างจากกรุ๊ปที่ได้รับยาพาราเซตามอล
 
ฤทธิ์ต้านโรคเบาหวาน การศึกษา
 
ฤทธิ์ต้านทานโรคเบาหวานของอัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงโดยการฉีดสาร alloxan พบว่าการป้อนสารสกัดน้ำจากใบและก็ดอกอัญชัน ขนาดวันละ 100-400 มก./กก. นาน 14-84 วัน ส่งผลลดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดคอเลสเตอรคอยล ไตรกลีเซอไรด์ แล้วก็ระดับเอนไซม์ glucose-6-phosphatase ไปเป็นน้ำตาลแล้วก็เพิ่มระดับอินซูลิน HDL-cholesterol และเอนไซม์ glucokinase ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับกลูโคสไปเก็บสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของ glucogen ในตับรวมทั้งกล้ามเนื้อ นอกจากนั้นยังลดความทรุดโทรมของกลุ่มเซลล์ Islet of Langerhans ประเภท B-cells ในตับอ่อนซึ่งปฏิบัติภารกิจผลิตอินซูลิน จากการฉีดสาร alloxan ได้
ส่วนในการทดลองฤทธิ์ของอัญชันในผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งตัวสำหรับบำรุงผิวพบว่าสารสกัดน้ำรวมทั้งสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน มีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระเมื่อทดสอบด้วยวิธี 2,2-diphenyl-1-picrylhdrazy (DPPH) ขึ้นรถสกัดน้ำจะมีฤทธิ์มากกว่าสารสกัดเอทานอล ซึ่งมีค่าความเข้มข้นที่ยับยั้งอนุมูลอิสระได้ 50% (IC50) เท่ากับ 1 แล้วก็4 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ตามลำดับ และเมื่อนำสารสกัดน้ำดอกอัญชันไปเป็นองค์ประกอบในเจลสำหรับทารอบดวงตาพบว่าฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของอัญชันยังคงอยู่ แต่ว่ามีคุณภาพน้อยกว่าครีมมาตรฐาน ทำให้บางทีอาจสรุปได้ว่าการใช้ดอกอัญชันเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางสำหรับบำรุงผิวบางทีก็อาจจะได้ประโยชน์จากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
การศึกษาความเป็นพิษแบบฉับพลัน ของสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์จากดอกอัญชันในหนูแรทเพศภรรยาพบว่า การป้อนสารสกัดขนาด 2000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว ไม่ทำให้เกิดความเป็นพิษต่อหนูแต่อย่างใด และก็ในการศึกษาวิจัยความเป็นพิษของสารสกัดน้ำจากดอกอัญชันในหนูแรทเพศผู้ โดยป้อนในขนาด 10,50 และ100 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว นาน 28 วัน ไม่เจอความเป็นพิษต่อระบบขย



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ