Advertisement
เสาวรสชื่อสมุนไพร เสาวรสชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น สุคนธรส (ภาคกลาง) , กะทกรกฝรั่ง กะทกรกสีดา , กะทกรกยักษ์ (ทั่วไป)ชื่อวิทยาศาสตร์ Passiflora edulis Sims. (พันธุ์สีม่วง)Passiflora edulis f. flavicarpa O. Deg. (พันธุ์สีเหลือง)ชื่อสามัญ Passion fruit , Yellow granadilla , Jamaica honey-suckleวงศ์ Passifloraceaeถิ่นกำเนิด เสาวร มีถิ่นเกิดในทวีปอเมริกาใต้ในประเทศบราซิลปารากวัย และประเทศอาร์เจนตินา แล้วมีการกระจายพันธุ์โดยการนำเสาวรสไปปลูกเพื่อคุณประโยชน์เชิงพาณิชย์ในหลายประเทศทั่วโลก อาทิเช่น อินเดีย นิวซีแลนด์ อินโดนีเซียเปอร์โตริโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สหรัฐฯออสเตรเลีย อิสราเอล คอสตาริกา แอฟริกาใต้ประเทศโปรตุเกสรวมถึงประเทศแถบทะเลแคริบเบียนและแอฟริกาตะวันออก
สำหรับในประเทศไทย เสาวรสถูกนำเข้ามาทดสอบปลูกหนแรกในภาคเหนือ ราวปี พ.ศ. 2498 ตอนนี้ พบปลูกมากมายในภาคเหนือ แล้วก็ภาคทิศตะวันออก ในแถบจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยอง รวมทั้งจังหวัดชลบุรี
ลักษณะทั่วไป เสาวรสจัดเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ ส่วนโคนเป็นไม้เนื้อแข็ง อายุหลายปี สามารถเลื้อยได้ไกลถึง 12 เมตร มีมือเกาะ ใบโดดเดี่ยว รูปคล้ายโล่ หรือรูปไข่ ออกเรียงสลับกัน ขอบใบมักเว้าลึกเป็น 3 พูปลายใบแหลม หรือเรียวแหลม โคนใบกลม หรือรูปหัวใจเว้าตื้น เนื้อใบออกจะเหนียว ขอบใบจะฟันเลื่อย มีเส้นใบ 3 เส้น ออกมาจากโคนใบก้านใบยาว 4-4.5 ซม. ที่ปลายก้านมีต่อม หูใบรูปหอก ขอบเรียบ หรือจักฟันเลื่อย
ดอกเสาวรสจัดเป็นดอกบริบูรณ์เพศ สามารถผสมเกสรด้วยตนเองได้ดิบได้ดี ตัวดอกแทงออกเป็นดอกโดดเดี่ยว ดอกแทงออกรอบๆซอกใบตามเถา มีกลีบเลี้ยง ข้างนอกกลีบเลี้ยงมีสีเขียว ภายในมีสีขาว และก็กลีบดอกไม้สีครีมอมม่วง 5 กลีบ กลีบดอกไม้เรียงสลับเป็น 2 ชั้นถัดมาด้านในมีฝอยเป็นเส้นล้อมเป็นวงกลมเยอะๆ โคนฝอยมีสีม่วง ปลายฝอยมีสีขาวตรงกลางดอกมีเกสรตัวผู้ 5 อัน ส่วนเกสรตัวเมียมีปลายแยกเป็น 3 แฉก เมื่อบานจะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
ผลเสาวรสออกได้ผลลำพังผลมีทรงกลมหรือรูปไข่ รวมทั้งอวบน้ำ ขนาดผลราว 5-7 ซม. มีน้ำหนักผลโดยประมาณ 35-115 กรัม ขึ้นกับขนาดผล ส่วนสีเปลือกแตกต่างกันตามสายพันธุ์ อาทิเช่น ชนิดสีม่วงจะมีเปลือกสีม่วงเข้ม ส่วนพันธุ์สีเหลืองจะมีเปลือกสีเหลืองสด เปลือกผลทุกประเภทออกจะครึ้ม แล้วก็ เป็นเงา ด้านในผลมีเมล็ดหลายชิ้น
ส่วนประเภทที่พบในประเทศไทยรวมทั้งนิยมนำมาปลูกกันมาก มี 3 พันธุ์
1. ประเภทผลสีม่วง ( Passiflora edulis) ชนิดผลสีม่วงในธรรมชาติมักพบในที่สูงประมาณ 1,000-2,000 เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งมีอากาศออกจะหนาวเย็นตลอดระยะเวลา ทำให้ผลมีขนาดเล็ก เมื่อผลสุกจะมีสีม่วงเข้มผิวเป็นเงา น้ำจาก ชนิดผลสีม่วง มีรสชาติดีกว่าประเภทผลสีเหลือง มีกรดต่ำสีงามแล้วก็หวาน ก็เลยเหมาะสำหรับรับประทาน ผลสดข้อเสียของประเภทนี้คือ ค่อนข้างจะอ่อนแอต่อโรค
2. พันธุ์ผลสีเหลือง (Passiflora edulis, var flaicarpa) ชนิดผลสีเหลือง ตามธรรมชาติพบขึ้นตามพื้นที่สูงในแถบประเทศชายฝั่งทะเลที่มีความสูงตั้งแต่ 800 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ผลมีลักษณะเด่น คือ ผลมีขนาดใหญ่เมื่อผลสุกจะมีสีเหลืองขมิ้น ผิววาว น้ำคั้นของประเภทนี้ มีกรดมากมาย ซึ่งมีpH น้อยกว่า 3 เหมาะกับส่งเข้าโรงงานเพื่อดัดแปลงมากยิ่งกว่าการ กินผลสด จุดเด่นของจำพวกนี้เป็น ให้ผลดกและมีแรงต้านทานโรคแล้วก็แมลงสูงกว่าจำพวกผลสีม่วง
3. ชนิดลูกผสม เป็นจำพวกที่เกิดขึ้นมาจากการผสมระหว่างพันธุ์ผลสีม่วงกับประเภทสีเหลือง เพื่อเลือกสรรต้นจำพวกใหม่ ศูนย์รวมลักษณะผลที่เด่นของแต่ละจำพวกไว้ ทำให้มีลักษณะผลใหญ่ ได้ผลดก มีเกลื่อนกลาดหุ้มห่อ เมล็ดมากมายเปลือกบาง ต่อต้านโรค แล้วก็มีช่วงในการให้ผลที่ยาวนาน พันธุ์นี้จะให้อีกทั้งผลที่มีสีม่วงและก็ผลสีเหลือง สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
การขยายพันธุ์ [url=https://www.disthai.com/17031928/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%AA]เสาวรส สามารถเจริญวัยได้ดิบได้ดีในลักษณะของอากาศของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเขตอากาศเย็นทางภาคเหนือ หรือเขตอากาศร้อนเปียกชื้นทางภาคกลางและก็ ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย การรักษาไม่ยุ่งยาก แต่ว่าได้ผลผลิตต่อไร่สูง
ส่วนการขยายพันธุ์เสาวรสสามารถเพาะพันธุ์ได้จากต้นกล้าที่เพาะเมล็ด รวมทั้งต้นกล้าที่ได้จากการปักชำหรือการตอนเถา แต่ว่าโดยมากนิยมปลูกจากเม็ดมากที่สุด โดยมีวิธีการดังนี้
การเตรียมเมล็ด เม็ดที่ใช้เพาะกล้า ควรจะเลือกจากผลเสาวรสที่ส่งผลขนาดใหญ่ ผลมีความสมบูรณ์ เปลือกผลเป็นเงาวาว ไม่มีรอยกัดแทะของแมลง โดยนำเมล็ดมาใส่ผ้าขาวบางแล้วค่อยนำไปขยี้ให้น้ำ และก็เยื่อหุ้มเมล็ดหลุดออกมาจากเม็ด แล้วต่อจากนั้นนำเมล็ดมาล้างทำความสะอาด ก่อนจะนำเมล็ดมาตากผึ่งแดดให้แห้ง นาน 5-7 วัน เก็บพักไว้ภายในที่ร่มนาน 1-2 เดือน ค่อยนำมาเพาะ ภายหลังจากพักเมล็ดไว้ 1-2 เดือนแล้ว ก่อนเพาะให้นำเมล็ดมาแช่น้ำไว้ 1 คืน การเพาะเม็ดบางทีอาจเพาะในถุงเพาะชำได้โดยตรง หรือหยอดเพาะในกระบะเพาะก่อน และหลังจากนั้นก็ค่อยแยกลงเพาะต่อในถุงเพาะชำได้
การเตรียมแปลงปลูก การปลูกเสาวรสในแปลงใหญ่จำนวนหลายต้นจำเป็นจะต้องจัดแจงแปลงก่อน โดยการไถกระพรวนดิน 1-2 รอบ พร้อมกำจัดวัชพืชออกให้หมด แล้ว ขุดหลุมปลูกขนาดราวๆ 30 เซนติเมตร โดยให้ลึกราวๆ 30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างแถว รวมทั้งระยะห่างระหว่างต้นหรือหลุม โดยประมาณ 2-3 เมตร แล้วหลังจากนั้น ปลดปล่อยหลุมตากแดดไว้ 3-5 วัน
แนวทางการปลูก ก่อนปลูก ให้โรยก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมัก 3-5 กำมือ แล้วก็ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ราวๆ 1 จับมือ ก่อนคลุกหน้าดินลงผสม ก่อนฉีกถุงดำออก แล้วนำต้นกล้าเสาวรสลงปลูกเอาไว้ในหลุม พร้อมกลบดินให้แน่นพอประมาณ ต่อจากนั้น นำไผ่มาปักข้างหลุม เพื่อให้ลำต้นอิงเติบโตสักระยะ
กระบวนการทำค้าง เป็นสิ่งจำเป็น ด้วยเหตุว่าเสาวรสเป็นไม้เถาเลื้อย จำเป็นจะต้องเกาะเลื้อยตามสิ่งของต่างๆการเตรียมค้าง ควรเตรียมหลังการขุดหลุมปลูกเสร็จหรือทำร่วมกับการขุดหลุมปลูก หรือบางทีอาจทำข้างหลังการปลูก แต่พึงระวังไม่ให้ต้นจำพวกได้รับอันตรายขณะที่ทำค้าง
การเตรียมค้างทำได้โดยการใช้เสาคอนกรีตหรือเสาไม้มาฝังใกล้กับต้นเสาวรสตามแนวยาวของแถว หลังจากนั้น ใช้ลวดขึงโยงแต่ละเสาตามแนวยาว แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยกางโยงตัดตามแนวขวางให้เป็นตารางสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดโดยประมาณ 50×50 เซนติเมตร
องค์ประกอบทางเคมี ในน้ำเสาวรสเจอสาระสำคัญ อย่างเช่น Carotenoid (ติดอยู่โรทีนอยด์) Pectin methyhesterase (โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี เพคทนเมทิลเอสเตอเรส) Catalase (ติดอยู่ทาเลส) Leucine (ลิวซีน) Valine (วาลีน) Tyrosine (โทโรซีน) Prline (โพรลีน) Threonine (ทรีโอนีน) Glycine (ไกลซีน) Aspertic acid (กรดแอสพาร์ทิก) Arginine (อาร์จินีน) Lysine (ไลซีน) Alkalod (อัลคาลอยด์) ส่วนคุณประโยชน์ทางโภชนาการของเสาวร
ประโยชน์/สรรพคุณ
เมล็ดพร้อมเยื่อห่อเมล็ดเอามาคั้นหรือปั่นเป็นน้ำผลไม้ดื่ม ให้รสเปรี้ยวจัด หรือปั่นผสมกับผลไม้อื่นที่มีรสหวาน เพื่อเพิ่มความหวาน อาทิเช่น ประเทศทางแถบอเมริกาใต้นิยมนำเยื่อห่อเมล็ด รวมทั้งเปลือกมาปั่นผสมกับน้ำตาล ได้เครื่องดื่มที่เรียกว่า refresco หรือใช้ผสมกับน้ำผลไม้ประเภทอื่น ยกตัวอย่างเช่น น้ำแอปเปิ้ล น้ำส้ม น้ำสัปปะรด น้ำพีช ฯลฯ โดยอัตราการผสมน้ำเสาวรสราวๆ 5 หรือ 10 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมยวนใจรวมทั้งรสที่ดี ซึ่งเป็นที่นำยมกันอย่างแพร่หลายในต่างถิ่น เพราะว่านอกเหนือจากทำให้เครื่องดื่มมีกลิ่นหอมสดชื่นแล้วก็รสที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีคุณค่าทางอาหารสูง รวมทั้งน้ำเสาวรสยังสามารถเอาไปใช้แต่งกลิ่นและรสชาติของไอศกรีม เค้ก เยลลี่ เชอร์เบท พาย ทอฟฟี่เหล้าองุ่น ฯลฯ
และเยื่อห่อเม็ดยังดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆอาทิ เสาวรสผง แยมเสาวรส และก็เยลลี่เสาวรส ส่วนเปลือกเสาวรสมีคาร์โบไฮเดรต รวมทั้งโปรตีนสามารถนำมาตากแห้งหรือใช้สดเป็นของกินเลี้ยงโค ควาย แกะแพะ และหมู ได้
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการนำ
เสาวรสเอามาสกัดสารสำหรับเป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลชั่นที่เอาไว้สำหรับดูแลผิว เนื่องจากมีสารที่สามารถสะท้อนรังสียูวีได้ และในงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยได้ระบุไว้ว่า เสาวรสอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แร่ธาตุ วิตามินและเส้นใย ในขณะที่เสาวรส 100 กรัม ให้พลังงานแค่เพียง 51-60แคลอรีเพียงแค่นั้น แล้วก็เสาวรส100 กรัม ให้วิตามินซีถึง 30 มิลลิกรัม การกินเสาวรสบ่อยๆแล้วจะไกลห่างจากหวัด และยังช่วยให้มีภูมิคุ้มกันโรคที่แข็งแรง
เสาวรสดีต่อการขับถ่าย เนื่องจากมีเส้นใยสูง ก็เลยสามารถช่วยขจัดคอเลสเตอรอลภายในร่างกายได้ อีกทั้งยังช่วยขับสารพิษในไส้ ปกป้องโรคมะเร็งลำไส้อีกด้วย
เสาวรสบำรุงสายตาได้อย่างดียิ่ง เพราะเหตุว่าอุดมไปด้วยวิตามินเอ แล้วก็ยังมีสารฟลาโวนอยด์อย่างเบต้าแคโรทีนแล้วก็คริบโทแซนทินเบต้า(cryptoxanthin-ß) ซึ่งสารกลุ่มนี้มีคุณลักษณะของสารต้านอนุมูลอิสระ ควบคู่ไปกับวิตามินเอที่ช่วยบำรุงรักษาสายตาได้เป็นอย่างดี
ส่วนคุณประโยชน์ตามตำรายาไทยกำหนดไว้ว่า ยอด สามารถรับประทานเป็นผักสด แม้กระนั้นจะมีรสขมน้อยบางทีอาจนำมาจิ้มน้ำพริกหรือนำไปแกงยอดเสาวรสก็ได้ เนื้อไม้ ใช้เป็นยาควบคุมธาตุ ทำลายพิษ และก็ใช้รักษารอยแผล ราก แก้ไข้ รักษาผื่นคัน และก็รักษาโรคกามโรค โดยนำรากไปต้มน้ำใบ เอามาตำแล้วคั้นเอาแต่น้ำ กินเป็นยาถ่ายพยาธิได้ ดอกขับเสลด แก้ไอ ผลแก่ ใช้คั้นเอาน้ำเป็นน้ำผลไม้ช่วยลดไขมันในเลือดเป็นยาระบาย แล้วก็ยังมีคุณประโยชน์ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดความดับโลหิต แล้วก็โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
แบบอย่าง / ขนาดการใช้
โดยธรรมดาแล้ว ชอบนำเสาวรสสุกมาทำเป็นน้ำผลไม้หรือใช้กินสดๆก็สามารถได้ประโยชน์จากสารออกฤทธิ์ต่างๆของเสาวรสแล้วส่วนในแย้งการนำมาใช้เป็นสมุนไพรก็มีการมาใช้ ตัวอย่างเช่น นำรากเสาวรสไปต้มแล้วก็ใช้ดื่มช่วยแก้ไข้ รักษาตามโรค แก้ผื่นคัน หรือนำใบมาต้มกับน้ำใช้รับประทานสามารถใช้เป็นยาถ่ายพยาธิได้ หรือจะใช้เนื้อในของผลสุกมาทำเป็นน้ำผลไม้ดื่ม จะช่วยลดไขมันในเลือด ลดระดับความดันโลหิตและช่วยทำให้ระบายได้ เป็นต้น
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา ในการทดลองฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในหลอดทดลอง (in vitro) พบว่า สารสกัดเอทานอล 80% จากเนื้อห่อเมล็ดของเสาวรสอีกทั้งชนิดผลสีม่วงแล้วก็ผลสีเหลืองมีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระเมื่อทดสอบด้วยแนวทาง 2,2-azino-bis (3-ethylbenzthiazoline-6-sulphonic acid) decolorization assay (ABTS assay), H2O2 scavenging assay และก็ 2,2-diphenyl-1-picrylhydrazyl radical scavenging capacity assay (DPPH assay) จากผลการศึกษาเรียนรู้ดังที่กล่าวถึงแล้วแสดงให้เห็นว่า น้ำเสาวรสมีคุณค่าทางโภชนาการรวมทั้งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เหมาะกับใช้เป็นเครื่องดื่มสำหรับดูแลสุขภาพ ใยอาหารส่วนที่ไม่ละลายน้ำ (insoluble fiber-rich fraction) จากเมล็ดเสาวรสมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด เมื่อทดสอบผสมลงในอาหารที่มีไขมันสูง (hypercholesterolemic diet) จำนวน 5% แล้วใช้เลี้ยงหนู แฮมสเตอร์นาน 30 วันพบว่า ไตรกลีเซอไรด์รวมทั้งคอเลสเตอรอลในเลือดรวมทั้งในตับหนูต่ำลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง รวมทั้งพบว่ามีไขมันในน้ำดีแล้วก็ในอุจจาระที่ขับถ่ายออกมามากขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม และก็สำหรับการป้อน น้ำคั้นเสาวรสประเภทเปลือกสีเหลืองให้แก่หนูแรทขนาด 1,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม วันละ 2 ครั้ง นานต่อเนื่องกัน 28 วัน มีผลลดค่าไขมันรวมทั้ง LDL (low-density lipoprotein) ใน เลือดแล้วก็เพิ่มค่า HDL (high-density lipoprotein) นอกนั้นยังส่งผลลดค่า thiobarbituric acid reactive substance (TBARS) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึง การเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมัน (lipid peroxidation) แสดงให้เห็นว่าเม็ดเสาวรสรวมถึงน้ำจากส่วนเยื่อหุ้มเมล็ดมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด แล้วก็ต้านการเกิดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นมาจากปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมันได้ ยิ่งกว่านั้นการป้อนส่วนเนื้อห่อหุ้มเม็ดของเสาวรสชนิดเปลือกสีเหลืองให้แก่หนูแรทที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ขนาดวันละ 5 – 8 กรัม/กก. นานต่อเนื่องกัน 5 วัน มีผลทำให้ค่าความดันโลหิตขณะหัวใจบีบตัวลดน้อยลง และก็พบว่าระดับglutathione ในเนื้อเยื่อไตสูงขึ้น และก็สามารถยับยั้งการเกิดสาร TBARS ได้ผลการทดลองดังกล่าวทำให้เห็นว่าส่วนเนื้อหุ้มเมล็ดของเสาวรสมีฤทธิ์ลดระดับความดันโลหิตและก็ฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระ
การศึกษาทางคลินิก
การศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ ต่อต้านอนุมูลอิสระของน้ำคั้น
เสาวรสในกลุ่มอาสาสมัครคนสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) ที่มีร่างกายแข็งแรงและไม่มีภาวะของโรครุนแรงปริมาณ 60 คน ทั้งเพศชายและก็หญิง โดยให้อาสาสมัครดื่ม น้ำคั้นเสาวรสอีกทั้งจากจำพวกผลสีม่วงแล้วก็ผลสีเหลืองวันละ 1 แก้ว (ราว 125 มิลลิลิตร) ภายหลังกิน ข้าวกลางวัน นานติดต่อกัน 4 อาทิตย์เก็บเนื้อเก็บตัวอย่างเลือดของอาสาสมัครอีกทั้งตอนก่อนและข้างหลังดื่มน้ำคั้น เสาวรส เพื่อวัดค่าทางวิชาชีวเคมีในเลือดรวมทั้งเปรียบเทียบผลของการเปลี่ยน ผลจากการเล่าเรียนพบว่า การดื่มน้ำคั้นเสาวรสอีกทั้งประเภทผลสีม่วงและก็สีเหลืองส่งผลทำให้จำนวนวิตามินเอรวมทั้งวิตามินอีภายในร่างกาย เพิ่มสูงมากขึ้น และก็ส่งผลเพิ่มรูปแบบการทำงานของเอนไซม์ที่เกี่ยวเนื่องกับกระบวนการต้านทานการเกิดอนุมูลอิสระ ตัวอย่างเช่น superoxide dismutase (SOD) แล้วก็ catalase นอกจากนี้ยังมีผลยับยั้งการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวข้อง ในกรรมวิธีอักเสบคือ interleukin-6 (IL-6) และ tumor necrosing factor-α (TNF-α) อีกด้วย
ส่วนการเล่าเรียนทางคลินิกอีกชิ้นหนึ่งบอกว่าการทดสอบโดยให้อาสาสมัคร 9 คน(อีกทั้งชายแล้วก็หญิง) ที่แก่ระหว่าง 20-35 ปี รับประทานแคปซูลสารสกัดน้ำหรือชา (เข้มข้น 10%) จากส่วนใบเสาวรส วันละ 4 แคปซูลก่อนอน ติดต่อกันเป็นเวลานาน 1 สัปดาห์ พบว่าไม่มีความต่างอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่างอาสาสมัครกรุ๊ปที่ระบบประทานแคปซูลเสาวรสรวมทั้งกลุ่มที่ได้รับยาหลอกในเรื่องผลของการนอนหลับ กลับพบว่าอาสาสมัครกรุ๊ปที่ระบบประทานแคปซูลเสาวรสบางรายมีค่าโปรตีนรวมทั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวเนื่องกับลักษณะการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ไตแล้วก็ตับเพิ่มสูงขึ้นยกตัวอย่างเช่น bilirubin, uric acid, creatinine phosphokinase แล้วก็ glutamic-oxaloacetic transaminase
คำแนะนำ / ข้อควรไตร่ตรอง 1. การกินเสาวรสอาจก่อให้เป็นผลใกล้กัน เช่น วิงเวียนหัว รู้สึกงงเต็ก กล้ามเนื้อทำงานเปลี่ยนไปจากปกติ ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไป เส้นโลหิตอักเสบ บางรายเจอรายงานว่ามีลักษณะอาการคลื่นไส้ คลื่นไส้ ง่วงซึม หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นเปลี่ยนไปจากปกติ
2. จากการทดสอบในหลอดทดลอง (in vitro) น้ำคั้นเสาวรสมีฤทธิ์ยับยั้ง โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีCYP450 ประเภทCYP3A4 เมื่อทดลองบนเซลล์human liver microsomes โดยเหตุนั้นควรต้องรอบคอบ การดื่มน้ำคั้นเสาวรสร่วมกับกรุ๊ปแผนปัจจุบันที่ต้องอาศัยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีดังกล่าวในกรรมวิธีเผาผลาญยา
3. หญิงท้องไม่ควรกินเสาวรสเพราะว่าสารเคมีบางตัวในเสาวรสอาจก่อให้มดลูกหดตัว
4. คนที่เข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดกินเสาวรสขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ เนื่องมาจากเสาวรสอาจมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางซึ่งอาจไประงับฤทธิ์ยาสลบหรือยาตัวอื่นต่อสมองในตอนผ่าตัดแล้วก็ภายหลังจากผ่าตัดได้
เอกสารอ้างอิง - ศุภวัชร สิงห์ทอง, เสนีย์ เครือเนตร, ศุภพงษ์ อาวรณ์. ผลของน้เสาวรส[/url]ต่อการต้านอนุมูลอิสระและต้าน การอักเสบในผู้สูงอายุและในหลอดทดลอง. กรุงเทพมหานคร : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย; 2557. Report No. RDG5420047.
- การใช้สมุนไพร.กระดานถาม-ตอบ สำนักงานข้อมูลสมุนไพร มหาวิทยาลัยมหิดล.ธิดารัตน์ จันทร์ดอน.ผลไม้โครงการหลวงกับงานวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพ.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- "Passion Fruit: Background, Nutrition, Preparation". Exotic Fruit for Health. 25 August สืบค้นเมื่อ 18 September 2011.
- เสาวรส/กะทกรกฝรั่ง สรรพคุณและการปลูกเสาวรส.พืชเกษตรดอทคอมพิชานันท์ ลีแก้ว . เสาวรส ผลไม้สำหรับผู้รักสุขภาพ. สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.https://www.disthai.com/[/b]
- เสาวรส.ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.Mallhi TH, Sarriff A, Adnan AS, Khan YH, Qadir MI, Hamzah AA, et al. Effect of fruit/vegetable-drug interactions on CYP450, OATP and p-glycoprotein: A systematic review. Trop J Pharm Res. 2015;14(10):1927-35.
- de Souza Mda S, Barbalho SM, Damasceno DC, Rudge MV, de Campos KE, Madi AC, et al. Effects of Passiflora edulis (yellow passion) on serum lipids and oxidative stress status of Wistar rats. J Med Food. 2012;15(1):78-82.
- Patel SS. Morphology and pharmacology of Passiflora edulis: a review. J Herb Med Toxicol. 2009;3(1):1-6
- Konta EM, Almeida MR, do Amaral CL, Darin JD, de Rosso VV, Mercadante AZ. Evaluation of the antihypertensive properties of yellow passion fruit pulp (Passiflora edulis Sims f. flavicarpa Deg.) in spontaneously hypertensive rats. Phytother Res. 2014;28(1):28-32.
- Chau CF, Huang YL. Effects of the insoluble fiber derived from Passiflora edulis seed on plasma and hepatic lipids and fecal output. Mol Nutr Food Res. 2005;49(:786-90
- Tala Y, Anavia S, Reismana M, Samachb A, Tirosha O, Aron M, et al. The neuroprotective properties of a novel variety of passion fruit. Journal of Functional Foods 2016;23:359- 69.
- Hidaka M, Fujita K, Ogikubo T, Yamasaki K, Iwakiri T, Okumura M, et al. Potent inhibition by star fruit of human cytochrome P450 3A (CYP3A) activity. Drug Metab Dispos. 2004;32(6):581-3