ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ตำนานกีฬาแห่งอังกฤษ แล้วก็ฯลฯตำรับฟุตบอลโลก

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ตำนานกีฬาแห่งอังกฤษ แล้วก็ฯลฯตำรับฟุตบอลโลก  (อ่าน 14 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FootBallteng9340
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 28


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มกราคม 06, 2019, 01:05:27 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

เดิมบอลลีกที่นี้ ใช้ชื่อว่า ฟุตบอลลีกดิวิชันหนึ่ง ซึ่งมีจัดแจงแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 (คริสต์ศักราช 1888) รวมทั้งถือว่าเคยเป็นลีกบอลที่ช้านานที่สุดในโลก โดยในปี พ.ศ. 2535 ในฤดูกาล 1992-93 การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากรูเพิร์ธ เมอร์ด็อก(Rupert Murdoch) นักธุรกิจสื่อสารรายใหญ่ผู้ครอบครองเครือข่าย สถานีโทรทัศน์สกาย (BSkyB) พยายามส่งเสริมให้สมาพันธ์ฟุตบอลที่จะลงแข่งขันในดิวิชันหนึ่งประจำฤดูกาล 1992-93 ถอนตัวออกมาจัดตั้งเป็นพรีเมียร์ลีกทำให้ฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษที่แก่ 104 ปี จำเป็นต้องจบลง ช่วงเวลาเดียวกันทางฟุตบอลลีกเดิมได้แปลงชื่อจาก ดิวิชันสอง มาเป็น ดิวิชันหนึ่ง และดิวิชันอื่นได้แปลงตามกันไป ในตอนนั้นเป็นตอนในเวลาที่วงการบอลอาชีพของอังกฤษตกต่ำเป็นอย่างมากเกิดเหตุการณ์หลายแบบ ไม่ว่าเรื่องของสนามกีฬาที่มีปัญหาเรื่องอันธพาลลูกหนัง หรือที่เรียกว่าฮูลิแกน ทำลายภาพลักษณ์ของฟุตบอลอังกฤษ ไฟเผาอรรธจันทร์ วันที่ 11 พ.ค. 2528 ที่สนามฟุตบอลของชมรมฟุตบอลกางรดฟอร์ดซิตี ในระหว่างการประลอง มีผู้เสียชีวิต 56 คน เหตุการณ์วันที่ 15 เดือนเมษายน 2532 ที่สนามฟุตบอลฮิลส์เบอโรของชมรมบอลเชฟฟิลด์เวนส์เดย์ มีผู้คนเหยียบกันเสียชีวิตกว่า 96 คน นอกนั้นโศกนาฏกรรมเฮย์เซลที่มีผู้ตาย 39 คน ทำให้ยูฟ่าสั่งห้ามไม่ให้สมาคมจากอังกฤษร่วมการแข่งขันชิงชัยชิง ถ้วยสมาคมในยุโรปเป็นเวลา 5 ปี อันธพาลลูกหนังที่ตามไปเชียร์กลุ่มที่ประทับใจ ภายหลังการแข่งขันจะเกะกะระราน เข้าผับดื่มกินจนกระทั่งเมาแอ๋ บ้างก็ทะเลาะวิวาทกับแฟนบอลเจ้าถิ่นเกิดเหตุการณ์วุ่นวายบางครั้งร้ายแรงถึงขั้นความปั่นป่วนหรือไม่ก็มีคนตาย โดยเรื่องเศร้าเฮย์เซล์ส่วนใดส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มคนเหล่านี้เช่นเดียวกัน

หลายเรื่องทำให้แฟนฟุตบอลไม่อาจจะดูการแข่งขันได้อย่างเงียบๆสุข เนื่องจากกลัวจะโดนลูกหลง ประกอบกับสภาพสนามที่เสื่อมโทรมไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก หรือการปกป้องเหตุฉุกเฉินอย่างดีเพียงพอ ทำให้ชาวอัโลภฤษหลายคนตกลงใจรับชมการถ่ายทอดสดทางสถานีส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่บ้าน แทนที่จะเดินทางมาเชียร์ในสนามเช่นอดีตกาล ช่วงทศวรรษ1980 รายได้ของสโมสรจากค่าผ่านประตูซึ่งเป็นรายได้หลักได้ลดลงอย่างมาก มีเพียงแค่ชมรมชั้นนำไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังคงมีกำไร ในช่วงฤดูกาล 1986-87 ทุกชมรมฟุตบอลมีกำไรทั้งสิ้นรวมเพียงแต่ 2.5 ล้านปอนด์พอเพียงถึงฤดู 1989-90 รวมทุกชมรมขาดทุน 11 ล้านปอนด์ทำให้นักลงทุนไม่กล้าจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจกีฬาอาชีพนี้อย่างเต็มที่หลายสมาคมในตอนนั้นมีข่าวสารว่าใกล้จะล้มละลาย

คราวหลังเหตุการณ์ที่สนามฮิลส์โบโร่ รัฐบาลอังกฤษได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น โดยมีลอร์ดปีเตอร์เทย์เลอร์ ตุลาการระดับรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานคณะกรรมการ โดยผลของการสืบสวนซึ่งเรียกว่า รายงานฉบับเทย์เลอร์ (Taylor Report) ได้กลายมาเป็นเอกสารสำคัญทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแวดวงฟุตบอลอังกฤษ ด้วยเหตุว่ากำหนดให้ทุกสมาพันธ์จำต้องปรับปรุงสนามแข่งขัน ที่สำคัญเป็นอรรธจันทร์ชมการแข่งขันจะต้องเป็นแบบนั่งทั้งหมด ห้ามไม่ให้มีอัฒจันทร์ยืนเพื่อให้มีความปลอดภัยของผู้ชมการแข่งขัน โดยทีมในระดับดิวิชัน 1 รวมทั้ง 2 ต้องปรับปรุงแก้ไขให้เสร็จในปี 2537 แล้วก็ ดิวิชัน 3 รวมทั้ง 4 ให้เสร็จในปี 2542 นำมาซึ่งการทำให้การยืนดูฟุตบอลซึ่งเป็นวัฒนธรรมการดูฟุตบอลของคนประเทศอังกฤษมานาน บางแห่งก็มีชื่อเสียงเช่นอัฒจันทร์เดอะค็อปของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลจำต้องจบไป แม้ว่าในประเทศอังกฤษจะมีสมาคมฟุตบอลทั้งอาชีพแล้วก็สมัครเล่นมากที่สุดในโลก แต่ว่าสนาฟุตบอล[/url]ส่วนมากมีสภาพดั้งเดิมย่ำแย่ บางสโมสรในระดับดิวิชันหนึ่งหรือดิวิชันสองยังคงมีอรรธจันทร์ที่สร้างด้วยไม้ทำให้การปรับแต่งสนามฟุตบอลของสโมสรบอลอังกฤษคราวนี้จำต้องใช้เงินลงทุนเป็นอันมาก ท่ามกลางสถานะทางด้านการเงินที่ไม่มั่นคงเพราะรายได้ลดลงเป็นอย่างมาก ชมรมเล็กบางแห่งซึ่งมีผู้ชมน้อยอยู่แล้วจึงใช้แนวทางปิดตายอรรธจันทร์ยืน ส่วนสโมสรใหญ่ที่ฐานะด้านการเงินดีกว่าก็เจอปัญหาเช่นกัน เพราะไม่บางทีอาจใช้แนวทางเลี่ยงปัญหาแบบสมาคมเล็กได้

รัฐบาลอังกฤษในช่วงเวลานั้นจำต้องเข้าช่วยเหลือโดยลดค่าธรรมเนียมหรือภาษีธุรกิจบอล นำเงินส่วนนี้มาตั้งกองทุนบอลปริมาณ 100 ล้านปอนด์ ให้บอลลีกเป็นคนจัดแบ่งให้สโมสรฟุตบอลซึ่งเป็นกลุ่มสมาชิกทั้งยัง 96 ชมรม นำไปพัฒนาปรับปรุงสนามแข่งขันของตัวเอง แต่งบโดยประมาณเท่านี้จำเป็นต้องนับว่าน้อยมาก แม้นำมาเฉลี่ยอย่างเสมอกันแล้วจะได้รับเงินเพียงแต่สมาพันธ์ละ 1.08 ล้านปอนด์เพียงแค่นั้น ในเวลาที่สโมสรบอลชั้นนำของลีกจำเป็นต้องใช้เงินสำหรับในการณ์นี้มากถึงกว่าสิบล้านปอนด์ ชมรมใหญ่ในดิวิชันหนึ่งก็เลยกดดันบอลลีกจัดสรรเงินให้มากกว่าชมรมเล็ก เพราะหากไม่เสร็จทันตามกำหนดบางครั้งก็อาจจะถูกถอนเอกสารสิทธิ์ได้

เครดิตบทความจาก : [url]https://footballclub99.wordpress.com/[/url]

Tags : พรีเมียร์ลีก,ฟุตบอล,ข่าวฟุตบอล



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ