เรื่องราวบอลไทย ประวัติความเป็นมาฟุตบอลในประเทศไทย

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องราวบอลไทย ประวัติความเป็นมาฟุตบอลในประเทศไทย  (อ่าน 3 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
FootBallteng9340
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 28


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มกราคม 09, 2019, 07:40:30 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

กีฬาบอลในประเทศไทย ได้มีการเล่นตั้งแต่สมัย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 5 ที่กรุงรัตนโกสิทร์ เนื่องมาจากสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านได้ส่งพระเจ้าลูกยาคุณ พระผู้เป็นเจ้าหลานยาคุณ แล้วก็ข้าหลวงไปศึกษาวิชาการด้านต่างๆที่ประเทศอังกฤษ และผู้ที่นำกีฬาบอลกลับมายังเมืองไทยเป็นคนแรกเป็น “เจ้าพระยาธรรมศักดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ (สนั่น เทพหัตถี ณ อยุธยา)” หรือ ที่ประชนชาวไทยมักเรียกชื่อสั้นๆว่า “ครูเทวดา” ซึ่งท่านได้แต่งเพลงกราวเกรียวกีฬาที่พร้อมไปด้วยเรื่องน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง เชื่อกันว่าเพลงเกรียวกราวกีฬาที่ครูเทพแต่งไว้นี้ควรจะเป็น “เพลงอมตะ” แล้วก็จำเป็นจะต้องดำรงอยู่คู่ฟ้าไทย

ความเป็นมาบอลไทย
เมื่อปี พ.ศ. 2454-2458 ท่านได้ครองตำแหน่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กระทรวงธรรมการคราวแรก เมื่อท่านได้นำบอลเข้ามาเล่นในประเทศไทยได้มีเสียงติชมต่างๆเยอะแยะ โดยหลายคนกล่าวว่า บอลเป็นกีฬาที่ไม่เหมาะสมกับประเทศที่มีอากาศร้อน เหมาะสมกับประเทศที่มีอากาศหนาวมากกว่า และก็เป็นเกมที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอันตรายต่อผู้เล่นและก็ผู้ชมได้ง่าย ซึ่งข้อวิพากษ์วิจารณ์ดังที่กล่าวถึงแล้วถ้ามองดูอย่างผิวเผินอาจเชื่อตามได้ แต่ว่าภายหลังข้อกล่าวหาดังกล่าวมาแล้วข้างต้นก็ได้ค่อยหมดไปตราบจนกระทั่งกลายเป็น กีฬายอดนิยมที่สุดของประชาชนคนไทยและชาวโลกทั่วทุกมุมโลก ซึ่งมีวิวัฒนาการดังกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงข้อมูลต่อแต่นี้ไป ที่มา ballteng88

พ.ศ. 2440 รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จนิวัตำหนิพระนครกีฬาบอลได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆจากบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบรรดาครูคุณครู ตลอดจนผู้ดีอังกฤษในประเทศไทยรวมทั้งผู้พึงพอใจชาวไทยไม่น้อยเลยทีเดียวขึ้นเป็นลำดับ กอร์ปกับคุณครูเทพท่านได้พยายามปลูกฝังการเล่นบอลในโรงเรียนอย่างจริงจังและแพร่หลายมากมายในจังหวะต่อมา
พ.ศ. 2443 (รองศาสตราจารย์ 119) การแข่งขันชิงชัยฟุตบอลเป็นทางการหนแรกของไทยได้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์
พุทธศักราช 2443 (รองศาสตราจารย์ 119) ณ สนามหลวง ซึ่งเป็นสถานที่ออกกำลังกายแล้วก็ประกอบงานพิธีต่างๆการแข่งขันชิงชัยฟุตบอลคู่ประวัติศาสตร์ของไทย ระหว่าง “ชุดกรุงเทพมหานคร” กับ “ชุดกรมกระทรวงศึกษาธิการ” จากกระทรวงธรรมการหรือเรียกชื่อการแข่งขันชิงชัยครั้งนี้ว่า “การประลองฟุตบอลตามข้อปฏิบัติของแอสโซสิเอชั่น” เพราะว่าสมัยก่อนเรียกว่า “แอสโซสิเอชั่นบอล” (ASSOCIATIONS FOOTBALL) สมัยปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่า “การแข่งขันชิงชัยฟุตบอลของสัมพันธ์” หรือ “บอลสโมสร” ผลของการแข่งขันบอลนัดหมายพิเศษดังที่กล่าวถึงมาแล้วปรากฏว่า “ชุดกรมศึกษาธิการ” เสมอกับ “ชุดบางกอก” 2-2 (ครึ่งแรก 1-0) ถัดมาคุณครูเทพท่านได้วางแผนจัดแจงชิงชัยบอลผู้เรียนอย่างเป็นทางการพร้อมแปลกตำหนิกาบอลแบบสากลมาใช้เพื่อการชิงชัยฟุตบอลผู้เรียนคราวนี้ด้วย
พ.ศ. 2444 (รองศาสตราจารย์ 120) หนังสือวิทยาจารย์ เล่มที่ 1 ในระหว่างที่ 7 พ.ค. พุทธศักราช 2444 ได้ตีพิมพ์เผยแพร่เรื่องกติกาการประลองบอลสากลและการประลองอย่างเป็นแบบแผนสากล
การประลองบอลผู้เรียนหนแรกของประเทศไทยได้เกิดขึ้นในปี พุทธศักราช 2444 นี้ ผู้ท้าชิงควรเป็นเด็กนักเรียนชายอายุไม่เกิน 20 ปี ใช้แนวทางจัดการชิงชัยแบบน็อกเอาต์ หรือแบบแพ้ให้ออก (KNOCKOUT OR ELIMINATIONS) ภายใต้การดำเนินการจัดแจงแข่งของ “กรมศึกษาธิการ” สำหรับทีมชนะเลิศติดต่อกัน 3 ปี จะได้รับโล่รางวัลเป็นกรรมสิทธิ์
พุทธศักราช 2448 (รองศาสตราจารย์ 124) พ.ย. สามัคยาจารย์ สโมสร ได้เกิดขึ้นครั้งแรกเป็นการชิงชัยบอลของบรรดาคุณครูแล้วก็สมาชิกอาจารย์ โดยใช้ชื่อว่า “บอลสามัคยาจารย์”
พุทธศักราช 2450-2452 (รศ. 126-128) ผู้ตัดสินฟุตบอลชาวอังชื่อ “มร.อี.เอส.สมิธ” สมัยก่อนนักฟุตบอลอาชีพได้มากระทำการตัดสินในประเทศไทย ตรงเวลา 2 ปี ทำให้คนประเทศไทยโดยเฉพาะครู-คุณครู และก็ผู้สนใจได้ทำความเข้าใจข้อตกลงและของใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาก
พุทธศักราช 2451 (รศ. 127) มีการจัดการชิงชัย “เตะฟุตบอลไกล” คราวแรก
พ.ศ. 2452 (รศ. 128) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสิ้นพระชนม์ ช่วงวันที่ 22 ต.ค. พ.ศ. 2452 นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของผู้ช่วยเหลือฟุตบอลไทยในสมัยนั้น ซึ่งต่อมาในปีนี้ กรมกระทรวงศึกษาธิการก็ได้ประกาศใช้กระบวนการชิงชัย“แบบพบกันหมด” (ROUND ROBIN) แทนแนวทางจัดการชิงชัยแบบแพ้คัดแยกออกสำหรับคะแนนที่ใช้นับเป็นแบบของแคนาดา (CANADIAN SYSTEM) คือ ชนะ 2 คะแนน เสมอ 1คะแนน แพ้ 0 คะแนน และยังคงใช้อยู่จนถึงตอนนี้
ถัดมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ท่านทรงมีความสนพระทัยกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างยิ่งถึงกับทรงกีฬาบอลเอง แล้วก็ทรงตั้งทีมบอลส่วนพระองค์เองชื่อกลุ่ม “เสือป่า” แล้วก็ได้เสด็จพระราช ดำเนินประทับทอดพระเนตรการแข่งขันชิงชัยฟุตบอลเป็นพระราชกิจวัตรเสมอมาโดยยิ่งไปกว่านั้นมวยไทยท่านทรงเคย ปลอมพระองค์เป็นคนธรรมดาขึ้นต่อยมวยไทยจนได้สมญานามว่า “พระเจ้าเสือป่า” พระองค์ท่านทรงพระปัญญาสามารถสามารถมาก จนถึงเป็นที่ชื่นชมของประชาราษฎร์ทั่วๆไปจนตราบเท่าปัจจุบันนี้
จากพระราชกิจวัตรของพระองค์รัชกาลที่ 6 ทางด้านฟุตบอลถือว่าเป็นยุคทองของไทยอย่างแท้จริงอีกทั้งยังมีการเผยแพร่ข่าว หนังสือพิมพ์ รวมทั้งบทความต่างๆทางด้านบอลดังกำลังอยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไขข้อมูลต่อไปนี้
พุทธศักราช 2457 (รองศาสตราจารย์ 133) พระยาโอวาทวรกิจ” (แหมผลพันคุ้นชิน) หรือนามสมมุติ “คุณครูทองคำ” ได้เขียนบทความกีฬา “เรื่องจรรยาของผู้เล่นแล้วก็ผู้ดูฟุตบอล” รวมทั้ง “คุณพระวรเวทย์ วิเศษ” (วรเวทย์ ศิวะศริยานนท์) ได้เขียนเนื้อหาบทความกีฬา “หัวข้อการเล่นบอล” และก็ “พระยาพาณิชศาสตร์กฎ” (อู๋ พรรธนะแพทย์) ได้เขียนบทความกีฬาที่ประทับใจชาวไทยอย่างมาก “เรื่องอย่าสำหรับอันธพาลฟุตบอล”
พุทธศักราช 2458 (รองศาสตราจารย์ 134) ราษฎรชาวไทยสนใจกีฬาบอลอย่างมากมายเพราะเหตุว่า กรมศึกษาธิการได้ปรับปรุงกรรมวิธีการเล่น แนวทางจัดแจงแข่งขัน การวินิจฉัย ข้อตกลงฟุตบอลที่สากลสารภาพ ตลอดจนระเบียบการชิงชัยที่รัดกุมยิ่งขึ้น และผู้ใหญ่ในแวดวงให้ความสนใจอย่างแท้จริงตั้งแต่แมื่อท่านรัชกาลที่ 6 เองลงมาถึงพระบรมวงศานุวงศ์จนกระทั่งคนธรรมดา และก็ชาวต่างประเทศ แล้วก็ในปีพุทธศักราช 2458 จึงได้มีการแข่งขันฟุตบอลประเภทสมาพันธ์ครั้งแรกเป็นการชิงถ้วยพระราชทานและเรียกชื่อการประลองบอลประเภทนี้ว่า “การแข่งขันชิงชัยบอลถ้วยทองของหลวง” การแข่งขันชิงชัยฟุตบอลชมรมนี้เป็นการชิงชัยระหว่าง ทหาร-ตำรวจ-เสือป่า ซึ่งผู้เล่นต้องมีอายุเกินกว่าระดับทีมผู้เรียน ถือว่าเป็นการเพิ่มประเภทการแข่งขันฟุตบอล
ราชกรีฑาสโมสร หรือสปอร์ตคลับ นับได้ว่าเป็นสโมสรแรกของไทยและก็เป็นศูนย์รวมของชาวต่างประเทศในจังหวัดกรุงเทพ ซึ่งยังอยู่ในปัจจุบัน แล้วก็สโมสรสปอร์ตคลับเป็นศูนย์กลางของกีฬาหลายจำพวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาฟุตบอลได้มีผู้เล่นระดับประเทศจากประเทศอังกฤษมาร่วมกลุ่มอยู่คนไม่ใช่น้อย ได้แก่ นายเอ.พี.โคลปี. อาจารย์โรงเรียนราชวิทยาลัย ถือได้ว่าเป็นทีมบอลที่ดี มีความพร้อมมากอีกทั้งทางด้านผู้เล่น งบประมาณและก็สนามแข่งขันมาตรฐาน จึงควรเป็นเจ้าภาพให้ทีมต่างๆของไทยเรามาเยี่ยมอยู่ตลอด ทำให้วงการบอลไทยในยุคนั้นได้ปรับปรุงยิ่งขึ้น รวมทั้งรัชกาลที่ 6 ทรงสนพระทัยโดยเสด็จมาเป็นองค์ประธานพระราชทานรางวัลเป็นพระราชกิจวัตร ทำให้ราษฎรเรียกการแข่งขันยุคนั้นว่า “บอลหน้าพระที่นั่ง” รวมทั้งระหว่างพักครึ่งเวลามีการแสดง “พวกบอลขำขันหลวง” นับเป็นพิธีการชอบพอของปวงชนชาวไทยยุคนั้นเป็นอย่างยิ่งรวมทั้งการประลองบอลสโมสรหนแรกนี้ มีทีมสมัครร่วมชิงชัยจำนวน 12 กลุ่ม ใช้เวลาในการแข่งขัน 46 วัน (11 เดือนกันยายน-27 ตุลาคม 2458) ปริมาณ 29 แมตช์ ณ สนามเสือป่า ถนนหน้าพระลาน สวนดุสิต กรุงเทพฯ หรือสนามหน้ากองอำนวนการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติปัจจุบันนี้พระองค์รัชกาลที่ 6 ได้ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อแต่งคณะกรรมการปฏิบัติงานแข่งนับว่าฟุตบอลไทย[/b]มีระบบสำหรับในการบริหารมานานนับถึง 72 ปีแล้ว
ความเจริญรุ่งเรืองของบอลภายในประเทศได้แผ่ขยายกว้างขวางทั้งประเทศไปสู่สมาคมกีฬา-ต่างจังหวัดหรือต่างจังหวัดอย่างเร็ว ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบกันทั่วๆไปภายใต้การช่วยสนับสนุนของรัชกาลที่ 6 และท่านท่านทรงเล็งเห็นกาลไกลว่าควรจะที่ตะตั้งศูนย์กลางหรือสัมพันธ์อย่างมีระบบแบบแผนที่ดี โดยมีคณะกรรมการบริหารสมาคมและทรงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งขึ้น“สมาคมคณะฟุตบอลประเทศไทย” ขึ้นมาโดยพระองค์รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทรงเล่นบอลเอง
รัชกาลที่ 6 ได้ทรงมีจุดประสงค์ของการจัดตั้งสัมพันธ์บอลแห่งประเทศไทยดังต่อไปนี้คือ

เพื่อให้ผู้เล่นบอลมีพลานามัยที่สมบูรณ์
เพื่อนำไปสู่ความกลมเกลียว
เพื่อนำไปสู่ความฉลาด และเป็นกีฬาที่ประหยัดดี
เพื่อเป็นการศึกษากลอุบายสำหรับเพื่อการรุกและก็การรับเหมือนกับกองทัพทหาร
จากจุดหมายดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น นับเป็นสิ่งที่สนับสนุนให้สมาคมฟุตบอลที่ไทยดำเนินกิจการรุ่งเรืองมาจนถึงตราบถึงตอนนี้ ซึ่งมีกำลังอยู่ระหว่างแก้ไขข้อมูลดังต่อไปนี้

พุทธศักราช 2458 (รัตนโกสินทร์ศก 134) การแข่งขันระหว่างชาติหนแรกของเมืองไทย เมื่อวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 ณ สนามราชกรีฑาสมาคม (สนามม้าบัวหลวงวันเดี๋ยวนี้) ระหว่าง“กลุ่มชาติสยาม” กับ “กลุ่มราชกรีฑาสมาคม” ต่อหน้าต่อตาพระที่นั่ง แล้วก็มี “มร.ดักลาส โรเบิร์ตสัน” เป็นผู้ตัดสิน ซึ่งผลที่เกิดจากการแข่งขันปรากฏว่าทีมชาติสยามชนะทีมราชกรีฑาสมาพันธ์ 2-1 ประตู (ครึ่งแรก 0-0) รวมทั้งครั้งที่ 2 เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคมพ.ศ. 2458 เป็นการชิงชัยระหว่างประเทศนัดหมายที่ 2 แบบเหย้าเยือนต่า หน้าพระที่นั่ง ณ สนามเสือป่าสวนดุสิตรวมทั้งผลที่ตามมา กลุ่มชาติสยามเสมอกับทีมราชกรีฑา สมาคม หรือกลุ่มรวมฝรั่ง 1-1 ประตู (ครึ่งแรก 0-0)

สัมพันธ์บอลแห่งเมืองไทย(THE FOOTBALL ASSOCIATION OF THAILAND)

มีวิวัฒนาการตามลำดับตั้งแต่นี้ต่อไป

พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระขอความกรุณาปรานีโปรดเกล้าฯ ตั้งชมรมบอลที่ประเทศไทยขึ้นช่วงวันที่ 25 ม.ย. พ.ศ.2459 รวมทั้งยี่ห้อกฎข้อบังคับขึ้นใช้ในสนามฟุตบอลแห่งประเทศไทยด้วยซึ่งมีชื่อย่อว่า ส.ฟาเรนไฮต์ท. และเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “THE FOOTBALL ASSOCIATION OF THAILAND UNDER THE PATRONAGE OF HIS MAJESTY THE KING” ใช้ตัวย่อว่า F.A.T. และชมรมฯ จัดการแข่งถ้วยใหญ่แล้วก็ถ้วยน้อยเป็นครั้งแรกในปีนี้ด้วย
พุทธศักราช 2468 เป็นกลุ่มสมาชิกสมาพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ ตอนวันที่ 23 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2468

ชุดบอลเสือป่านายพรานหลวง ได้รับถ้วยของพระยาประสิทธิ์ศุภการ (เจ้าพระยารามราฆพ) ซึ่งเล่นกับชุดฟุตบอลกรมทหารรักษาวัง เมื่อ พุทธศักราช 2459-2460 ได้รับไว้เป็นเจ้าของ โดยชนะ 2 ปีต่อเนื่องกัน

ชุดฟุตบอลสโมสรกรมหรสพ ได้รับพระราชทาน “ถ้วยใหญ่” ของสัมพันธ์ฟุตบอลที่ไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตอนวันที่30 เดือนกันยายน 2459

พุทธศักราช 2499 การปรับแต่งเพิ่มอีกข้อกำหนด ครั้งที่ 3 แล้วก็เรียกว่าข้อกำหนด ลักษณะดูแล
สโมสรบอลฯ ได้สิทธิ์ส่งทีมบอลชาติไทยร่วมการแข่งขัน “กีฬาโอลิมปิก” ครั้งที่ 16 นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีสิทธิ์ร่วมการแข่งขันชิงชัย เมื่อวันที่ 26 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2499 ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
พ.ศ. 2500 เป็นภาคีสมาชิกสหพันธรัฐฟุตบอลที่ทวีปเอเชีย ซึ่งมีชื่อย่อว่า เอเอฟซี แล้วก็เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า “ASIAN FOOTBALL CONFEDERATION” ใช้อักษรย่อว่า A.F.C.
พุทธศักราช 2501 การปรับแต่งเพิ่มอีกข้อบัญญัติลักษณะปกครอง ครั้งที่ 4
พ.ศ. 2503 การปรับปรุงแก้ไขเสริมเติมกฎข้อบังคับลักษณะดูแล ครั้งที่ 5
พุทธศักราช 2504-ปัจจุบันนี้ สมาคมฟุตบอลฯได้จัดแจงแข่งขันบอลถ้วยน้อย และก็ถ้วยใหญ่ ซึ่งวันหลังได้จัดแจงแข่งแบบเดียวกันของสมาคมบอลอังกฤษคือจัดเป็นจำพวกถ้วยพระราชทาน ก, ข, ค, รวมทั้ง ง รวมทั้งยังจัดแจงแข่งขันประเภทอื่นๆอีกดังเช่นว่า ฟุตบอลผู้เรียน ฟุตบอลจัดเตรียมอุดม ฟุตบอลอาชีวะบอลเยาวชนและคนรุ่นหลัง บอลอุดมศึกษา บอลเอฟเอ คัพ บอลควีส์ คัพ บอลคิงส์คัพ ฯลฯ อื่นๆอีกมากมาย นอกจากนั้นยังได้จัดแจงแข่งขันและก็ส่งกลุ่มเข้าร่วมกับกลุ่มนานาชาติเยอะมากจนถึงเดี๋ยวนี้
พ.ศ. 2511 สัมพันธ์ฟุตบอลได้สิทธิ์ส่งกลุ่มบอลชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเป็นครั้งที่ 2 ช่วงวันที่13 ตุลาคม พ.ศ. 2511 ณ ประเทศเม็กซิโก
พุทธศักราช 2514 การปรับปรุงเสริมเติมข้อปฏิบัติลักษณะปกครอง ครั้งที่ 6 ชุดฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดแรกที่เดินทางไปแข่งขัน “กีฬาโอลิมปิก” ครั้งที่ 16 ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ช่วงวันที่ 26 พ.ย. 2499
พ.ศ. 2531 สโมสรฟุตบอลฯ ได้มีแผนการจัดแจงแข่งบอลภายในประเทศ และเชิญชวนกลุ่มต่างชาติร่วมชิงชัยและก็ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในต่างประเทศตลอดปี

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : [url]https://sites.google.com/site/ballthaibunbun/[/url]

Tags : ฟุตบอลไทย,ฟุตบอล,ข่าวฟุตบอล



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ