Advertisement
เพชรสังฆาตชื่อสมุนไพร เพชรสังฆาตชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น สันชะควด (ภาคกลาง) , สันชะคาด , ขันข้อ (ราชบุรี) , สามร้อยต่อ (ประจวบคีรีขันธ์)ชื่อวิทยาศาสตร์ Cissus quadrangularis Linn.วงศ์ Vitaceaeถิ่นกำเนิดเพชรสังฆาตเป็นพืชเขตร้อนที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย รวมทั้งแอฟริกาแล้วก็มีการแพร่จำพวกไปตามประเทศเขตร้อนของทวีปดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น โดยพบบ่อยตามรอบๆป่าหรือที่เปียกชื้นที่หรูหราความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนในประเทศไทยมักพบตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่างลงไป รวมทั้งมักจะออกดอกรวมทั้งติดผลในช่วงเดือน มิถุนายน-สิงหาคม
ลักษณะทั่วไป
เพชรสังฆาตจัดเป็น ไม้เถาเลื้อย โดยมีเปลือกเถาเรียบ เถาอ่อนรูปสี่เหลี่ยมเป็นครีบ เป็นข้อๆต่อกันเห็นข้อบ้องแจ่มแจ้ง ลักษณะเป็นข้อๆตรงข้อเล็กรัดตัวลงแต่ละข้อยาวราว 6-10 เซนติเมตร บางข้ออาจมีรากออกมาด้วย มีมือเกาะออกตรงข้อต่อตรงข้ามกับใบ ตามข้อมียางขาว ใบเดี่ยว เรียงสลับ ออกตามข้อต้น ข้อละ 1 ใบ กว้าง 3-8 ซม. ยาว 4-10 ซม. ใบเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ กลมดก เล็ก ผิวเรียบ ปลายใบมน โคนใบเว้า ข้างหลังใบรวมทั้งท้องใบเรียบวาว ขอบของใบหยักมนห่างๆหรือหยักเว้า 3-5 หยัก เนื้อใบนิ่ม ก้านใบยาว 2-3 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อ ออกตามข้อต้นตรงข้ามกับใบ ดอกกลมเล็กสีแดงเขียวเป็นช่อขนาดเล็ก ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตรดอกย่อยสีเขียวอ่อน มีขนาด 2.5 มม. กลีบมี 4 กลีบโคนกลีบดอกไม้ภายนอกมีสีแดง ส่วนกลีบข้างในสีเขียวอ่อน เมื่อบานสุดกำลังดอกจะงอโค้งไปทางข้างล่าง เกสรตัวผู้มี 4 อันวางตรงกับกลีบดอกไม้ ผลสดรูปทรงกลม ผิวเรียบเป็นมัน ฉ่ำน้ำ ผลกลมขนาด 4-7 มม. ผลอ่อนสีเขียว พอเพียงสุกเป็นสีแดงหรือดำ เมล็ดกลมสีน้ำตาลมี 1 เมล็ด
การขยายพันธุ์ เพชรสังฆาตนิยมใช้แนวทางการปักชำโดยมีวิธีการเป็น เลือกเถาที่มีลักษณะเหมาะสม คือ จะต้องเป็นเถาที่มีลักษณะครึ่งแก่กึ่งอ่อน เอามาตัดเป็นท่อนให้แต่ละท่อนมีข่อติดอยู่จำนวน2 ข้อแล้ว กระทำปักชำท่อนชนิดโดยใช้ข้อทางด้านโคนของเถาฝังลงดินแล้วกลบให้แน่น รดน้ำให้เปียกแฉะ และควรจัดวางถุงกล้าที่ปักชำเอาไว้ในที่ร่ม ในส่วนของข้อที่เหลืออยู่ข้างบนจะเป็นรอบๆที่แตกใบใหม่เพื่อเจริญก้าวหน้าเป็นเถาต่อไป
ส่วนประกอบทางเคมี
เถาของเพชรสังฆาตมีองค์ประกอบทางเคมี เช่น natural plant steroids (ketosterones): onocer-7-ene-3 alpha, 21 beta-diol, delta-amyrin, delta-amyrone รวมทั้ง 3,3',4,4'- tetrahydroxybiphenyl สารกรุ๊ป stilbene: quadrangularins A, B, C, resveratrol, piceatannol, pallidol , parthenocissine A.สารในกลุ่ม flavonoids ดังเช่น diosmin, hisdromin, hesperidin. รวมไปถึง ascorbic acid (vitamin C), lupeol, carotene และ calcium oxalate.
ผลดี/คุณประโยชน์ ตามตำรายาไทย กล่าวว่า เถา รสร้อนขมคัน เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ระดูไม่ดีเหมือนปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้น ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ริดสีดวงทวารอีกทั้งชนิดกลีบมะไฟแล้วก็เดือยไก่
• ราก รักษาอาการกระดูกแตกหัก
• ต้น แก้หูน้ำหนวก แก้เลือดกำเดา แก้ระดูแตกต่างจากปกติ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย
• ใบ รักษากระดูกแตกหัก รักษาโรคลำไส้ (อาการอาหารไม่ย่อย) ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย แก้ริดสีดวงทวารหนัก
นอกจากนี้ในงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยทางด้านการแพทย์แผนปัจจุบันยังระบุไว้ว่าเพชรสังฆาต มีประสิทธิภาพที่ดีสำหรับในการรักษาริดสีดวงทวารหนักโดยเฉพาะการลดอาการคัน ปวดการเกิดเลือดไหล และกลายเป็นซ้ำ
ทั้งในปัจจุบันได้มีงานศึกษาค้นคว้าวิจัยพบว่า "เพชรสังฆาต" มีวิตามินซีสูงมากซึ่งยืนยันคุณประโยชน์รักษาโรคเลือดไหลตามไรฟันได้เป็นอย่างดี และยังอุดมไปด้วยแคโรทีนซึ่งเป็นสารเริ่มของวิตามินเอ มีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ ที่สำคัญมีส่วนประกอบของแคลเซียมสูงมากมาย รวมถึงสารอท้องนาโบลิก สเตียรอยด์ (Anabolic Steroids) ที่มีฤทธิ์รีบปฏิกิริยาการสมานกระดูกที่แตกหักโดยกระตุ้นการสร้างเซลล์ออสเตโอบลาสต์ (Osteoblast) ซึ่งทำหน้าที่สร้างกระดูกและก็ยังช่วยทำให้มีการสร้างสารไม่ววัวโพลีแซกคาไรด์ (Mucopolysaccharides) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในแนวทางการสมานกระดูก นอกนั้นสารคอลลาเจน (Collagen) ในเพชรสังฆาตยังเป็นสารอินทรีย์โปรตีน ที่มาจับกุมตัวกับผลึกแคลเซียมฟอสเฟตจนแปลงเป็นกระดูกแข็งซึ่งสามารถรับน้ำหนักแล้วก็มีความยืดหยุ่นในตัวเองอีกด้วย
นอกเหนือจากนั้นเพชรสังฆาตยังสามารถใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เนื่องมาจากเพชรสังฆาตเป็นไม้เถาเลื้อยมีลักษณะรูปทรงเป็นสีเหลี่ยมแปลกตา มีดอกแล้วก็ผลเป็นช่อสีแดงสวย สามารถนำไปปลูกสำหรับเพื่อการประดับบริเวณรั้วบ้าน ซุ้มไม้หรือบริเวณโคนต้นไม้ใหญ่เพื่อเถาเจริญก้าวหน้าเลื้อยพันขึ้น
แบบอย่าง/ขนาดการใช้ ในอดีตการใช้เพชรสังฆาตรักษา ริดสีดวงทวารหนักจะทำ โดยนำ เถาสดใส่กล้วยหรือ มะขามแล้วกลืน (เหตุเพราะเพชรสังฆาตมีแคลเซียม ออกซาเลต (calcium oxalate) การกลืนเถาสดบางทีอาจ เกิดการระคายเคืองทางเดินอาหารได้) ถัดมาได้มี การนำ เพชรสังฆาตมาผลิตให้อยู่ในรูปแบบแคปซูลเพื่อง่ายต่อการบริหารยา
โดยในรูปยาผงบรรจุแคปซูล 250 มิลลิกรัม ให้กินครั้งละ 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง ก่อนที่จะกินอาหารและก็ก่อนนอน เป็นเวลา 5-7 วัน
หนังสือเรียนยาท้องถิ่นจังหวัดนครราชสีมา ใช้ ต้น แก้ริดสีดวงทวารโดยหั่นเป็นแว่น ตำผสมเกลือนำไปตาก ปั้นเป็นลูกร้อยกรอง กินทีละ 1 เม็ด 3 เวลา หรือใช้เถาสดคั้นเอาน้ำกิน แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ประจำเดือนผิดปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้นขับลมในลำไส้
ตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านล้านนา ใช้น้ำจากต้น หยอดหู แก้น้ำหนวกไหล หยอดจมูกแก้เลือดเสียในสตรีใช้เถาตำละเอียดเป็นยาพอกบริเวณกระดูกหักช่วยลดอาการบวม อักเสบ น้ำคั้นจากเถาใช้ดื่มแก้เลือดไหลตามไรฟัน แก้เลือดประจำเดือนสตรีเปลี่ยนไปจากปกติ รักษาริดสีดวงทวารที่เริ่มเป็นระยะแรก
ส่วนอินเดีย ใช้ ลำต้น เป็นยาพอกเมื่อกระดูกหัก น้ำคั้นจากต้นกินแก้โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการไม่ปกติของระดู
การเรียนทางเภสัชวิทยา
ผลต่อแรงตึงตัวของหลอดโลหิตดำ สารสกัดเพชรสังฆาตมีฤทธิ์กระตุ้นเส้นเลือดดำ ให้มีความตึงตัวเพิ่มขึ้น คล้ายกับส่วนประกอบของไบโอฟลาโวนอยด์ 2 จำพวก ได้แก่ ไดออสมิน 90%และฮิสเพอริดิน 10% ที่เจอในตำรับยาแผนปัจจุบัน สำหรับใช้รักษาริดสีดวงทวาร
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบฉับพลัน สารสกัดเมทานอลยั้งการบวมของใบหู และก็การบวมของอุ้งเท้าของหนูขาว ที่ถูกกระตุ้นด้วยสารเคมี
สารสกัดเฮกเซนที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 1 และสารสกัดเอทานอลที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 5 ลดอาการบวมของใบหูหนูที่เหนี่ยวนำด้วยสารเคมี ถึงที่กะไว้เวลา 30 นาที ตรวจเจอส่วนประกอบทางเคมีของสาร lupeol ในสารสกัดเฮกเซน
ฤทธิ์แก้ปวด สารสกัดเมทานอลลดปริมาณครั้งที่หนูถีบจักรยืดบิดตัวจากลักษณะการเจ็บปวดท้องเนื่องจากว่าได้รับกรดอะซีติกที่ฉีดเข้าทางช่องท้อง และลดระยะเวลาของการเลียเท้าหลังทั้ง 2ระยะ สำหรับการทดลองด้วยการฉีดฟอร์มาลิน แสดว่าออกฤทธิ์แก้ปวดผ่านอีกทั้งระบบประสาทส่วนกลาง และส่วนปลาย
ฤทธิ์ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร สารสกัดเอทานอล สามารถลดการเกิดแผลในกระเพาะหนูขาวที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นแผลด้วยแอสไพริน เมื่อให้สารสกัดขนาด 250, 500 แล้วก็ 750 มิลลิกรัม/กก. ให้หนูรับประทานนาน 7 วัน ลดการเกิดแผลได้ 40, 71.2 และก็ 72.6% ตามลำดับ เปรียบเทียบกับranitidine ขนาด 30 มก./กก. ลดการเกิดแผล 71.9% ด้วยเหตุผลดังกล่าวสารสกัดขนาด 500 มิลลิกรัม/กิโลกรัม เป็นขนาดที่เยี่ยมที่สุด เนื่องมาจากออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับ Ranitidine และก็ได้ผลไม่มีความแตกต่างกับขนาด 750 มิลลิกรัม/กก.จะลดการทำลายเนื้อเยื่อในกระเพาะอาหาร แล้วก็รายงานการวิจัยอีกฉบับหนึ่งระบุว่า การเล่าเรียนประสิทธิผลแล้วก็ผลกระทบของการใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตในคนป่วยโรคริดสีดวงทวารระยะกระทันหัน จำนวน 570 คน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม เป็น กรุ๊ปที่ได้รับยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์ (Daflon 500 มก./เม็ด) กลุ่มที่ได้รับสมุนไพรเพชรสังฆาต (500 มิลลิกรัม/เม็ด) และกรุ๊ปที่ได้รับยาหลอก ในตอน 4 วันแรก ให้กินครั้งละ 3 เม็ด ตอนเช้ารวมทั้งเย็นหลังรับประทานอาหาร และตอน 3 วันหลัง ได้รับครั้งละ 2 เม็ด เช้าตรู่และก็เย็น หลังอาหาร คนไข้จะได้รับการวัดอาการต่างๆคือ เลือดออกทางทวารหนัก เมือก อาการคัน รอยแดงหรืออักเสบรอบทวารหนัก และก็การสัมภาษณ์เพื่อไต่ถามอาการ และมีการตรวจเลือดรวมทั้งติดตามผลกระทบของการได้รับยาหรือสมุนไพรควบคู่ไปพร้อมกันด้วย
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยในทุกกลุ่มจำนวนมากอาการเลือดออกรุนแรงจะหยุดในวันที่ 2 ของการให้ยา และมีอาการดีขึ้นหลังการให้ยาครบ 7 วัน ประสิทธิผลของการดูแลรักษาในผู้เจ็บป่วยทุกกลุ่มไม่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และไม่ส่งผลข้างเคียงเกิดขึ้น สรุปได้ว่าเพชรสังฆาตได้ผลสำหรับในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะกะทันหันไม่มีความต่างจากยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์รวมทั้งยาหลอก มีความหมายว่าเพชรสังฆาตไม่เป็นผลช่วยสำหรับการรักษาริดสีดวงทวารในระยะกระทันหัน
การเรียนรู้ทางพิษวิทยา
ความเป็นพิษฉับพลัน เมื่อทดลองความเป็นพิษโดยให้หนูขาวรับประทาน ขนาด 0.5 – 5.0 กรัม/กก
ไม่พบพิษอะไรก็แล้วแต่
ความเป็นพิษกึ่งเรื้อรัง (3 เดือน) ในหนูขาวพันธุ์วิสตาร์ 5 กรุ๊ปๆละ 12 ตัว/เพศ กรุ๊ปควบคุมได้รับน้ำทางปาก 10 มิลลิลิตร/น้ำหนักตัว 1 กก./วัน ตอนที่หนูอีก 4 กลุ่มได้รับผงยาเพชรสังฆาตแห้งทางปากในขนาด 0.03,0.3 รวมทั้ง 3.0 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก/วัน หรือเสมอกัน 1,10 และก็ 100 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน/วัน เป็นลำดับ โดยกรุ๊ปในที่สุดเป็นกลุ่มพิจารณาอาการข้างหลังการหยุดยา ผลการศึกษาพบว่าการเจริญเติบโตของกลุ่มท้ายที่สุดเป็นกลุ่มพินิจอาการหลังการหยุดยา ผลการศึกษาเรียนรู้พบว่าการเติบโตของกลุ่มได้รับผงยาแล้วก็กรุ๊ปควบคุมไม่ได้มีความแตกต่างกัน ไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของค่าทางเลือดวิทยาและก็ค่าทางซีรั่มวิชาชีวเคมี หรือจุลพยาธิสภาพของอวัยวะภายในที่มีความข้องเกี่ยวกับขนาดของผงยา และไม่พบความไม่ปกติอะไรก็ตามซึ่งสามารถสรุปได้ว่าเนื่องจากความเป็นพิษของผงยาเพชรสังฆาต
คำแนะนำ/ข้อควรคำนึง การรับประทานเพชรสังฆาตสด อาจจะส่งผลให้กำเนิดอาการระคายคอ ระคายเยื้อบุในปากเนื่องจากเถาสดมีผลึกแคลเซียมออกซาแลตอยู่มาก
2. ห้ามกินติดต่อกันนานเกิน 2 อาทิตย์เพราะเหตุว่าอาจก่อให้เกิดนิ่วในทางเดินเยี่ยว ผู้ป่วยโรคไตห้ามกิน
3. การใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตควรจะขอคำแนะนำหมอหรือผู้ที่มีความชำนาญสำหรับเพื่อการใช้เสมอ ด้วยเหตุว่าอาจจะเป็นผลให้เป็นผลใกล้กันที่ไม่ประสงค์ได้ ดังเช่นว่า ตาเหลือง ตัวเหลือง ฉี่น้อย แน่นท้อง เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง- นพมาศ สุนทรเจริญนนท์.เพชรสังฆาต.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- วีรพล ภิมาลย์และคณะ.การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมานประสิทธิภาพในการรักษาริดสีดวงทวารหนักของเพชรสังฆาต.วารสารเภสัชศาสตร์อีสาน.ปีที่10.ฉบับที่3.กันยายน-ธันวาคม.2557.หน้า403-418https://www.disthai.com[/b]
- Panthong A, Supraditaporn W, Kanjanapothi D, Taesotikul T, Reutrakul V. Analgesic, anti-inflammatory and venotonic effects of Cissus quadrangularis Linn. J Ethnopharmacology 2007; 110 : 264–70.
- เพชรสังฆาต.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีPanpimanmas S, Sithipongsri S, Sukdanon C, Manmee C. Experimental Comparative Study of the Efficacy and Side Effects of Cissus quadrangularis L. (Vitaceae) to Daflon (Servier) and Placebo in the Treatment of Acute Hemorrhoids. J Med Assoc Thai 2010; 93 (12): 1360-7.
- ผลของการใช้เพชรสังฆาตในการรักษาโรคริดสีดวงทวารที่มีอาการเฉียบพลัน.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- เพชรสังฆาต.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.J Med Assoc Thai 2010;93(12):1360-7