Advertisement
[/b]
ส้มโอชื่อสมุนไพร ส้มโอชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน มะโอ,มะขุน(ภาคเหนือ),บักส้มโอ(ภาคอีสาน),ที่นาวโอ(ภาคใต้),ลีมาบาลี(มลายู),สังอู(กะเหรี่ยง),โกรัยตะทดลอง(เขมร)ชื่อวิทยาศาสตร์ Citrus maxima (Burm.) Merr.ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Citrus grandis (L.) Osbeck, Aurantium maxima Burm. ex Rumph.ชื่อสามัญ Pomelo , Shaddock Pomeloวงศ์ RUTACEAEถิ่นกำเนิส้มโอ[/url][/size][/b]
ส้มโอ เป็นพืชตระกูลเดียวกับส้มเขียวหวาน มะนาว มะกรูด ส้มเช้ง และก็ส้มเกรปฟรุต ก็เลยเป็นที่มาของชื่อสามัญของา Pomelo เป้าหมายความว่า ส้มที่มีผลเท่าฟักทองในภาษาดักข์ โดยมีบ้านเกิดเมืองนอนในแถบประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย,ไทย,อินโดนีเซีย,เมียนมาร์,ลาว,เขมร เป็นต้น สำหรับในประเทศไทย การปลูกในประเทศไทยในทีแรกๆๆจะมีการปลูกบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในตอนเมืองหลวง แล้วก็ฝั่งธนบุรี ต่อมาจึงส่งเสริมให้ปลูกเยอะขึ้นทั่วภาคกึ่งกลาง เป็นต้นว่า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ที่สามารถปรับปรุงสายพันธุ์ได้มากมาย แล้วก็มีการเกื้อหนุนการปลูกไว้ในภาคต่างๆในเวลาต่อมา อาทิเช่น จำพวกขาวแป้น,ชนิดขาวพวง เป็นต้น
รวมทั้งในตอนนี้มีจังหวัดที่ปลูกมากมาย เช่น จังหวัดชุมพร นครปฐม นครศรีธรรมราช จังหวัดเชียงใหม่เชียงราย
นอกนั้นประเทศไทยถือเป็นแหล่งจำพวกที่มีสูงที่สุดในโลก รวมทั้งมีประเภทที่ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพเยอะที่สุด รวมถึงยังเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีการส่งออกที่มีมูลค่ามากติดอันดับต้นๆอีกด้วย
ลักษณะทั่วไปส้มโอ ส้มโอจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ลำต้น มีลักษณะออกจะเป็นเหลี่ยม รวมทั้งมีรูปทรงที่ไม่แน่นอน มีความสูงของลำต้นโดยประมาณ 5-15 เมตร ลำต้นแตกกิ่งกิ้งก้านมาก กิ่งอ่อนมีขนปกคลุม ลำต้น และก็กิ่งมีหนามทรงอ้วน ยาวโดยประมาณ 1-5 เซนติเมตร ลำต้นมีทรงพุ่มไม้รอบๆส่วนปลายของลำต้น ขนาดทรงพุ่มราวๆ 3-4 เมตร เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา ส่วนแก่นไม้มีลักษณะเหนียว แต่ไม่แข็ง กิ่งหักได้ยาก
ใบแตกออกเป็นใบผู้เดียว เรียงวนสลับกันบนกิ่ง ใบมีขนาดใหญ่ สีเขียวเข้ม แผ่นใบหนา และก็เป็นเป็นมัน กว้าง 10-12 ซม. ยาว 15-20 ซม. ใบประกอบด้วยแผ่นใบ รวมทั้งก้านใบ โดยก้านใบจะมีแผ่นใบขนาดเล็กที่เรียกว่า wing ส่วนแผ่นใบจะรูปร่างคล้ายรูปไข่ยาว หรือรูปโล่ ฐานใบแหลมป้าน ปลายใบมน และก็มีรอยเว้าตรงกลางเป็นรูปหัวใจ ส่วนขอบของใบจะมีหยักเล็กๆแผ่นใบด้านบนมีสีเขียวเข้มเป็นเงาวาว ส่วนแผ่นใบด้านล่างเป็นสีเขียวอ่อน และมีขนนุ่มปกคลุม
ดอก ออกเป็นช่อหรือออกเป็นดอกโดดเดี่ยว แทงออกบริเวณปลายของกิ่งอ่อน ประกอบด้วยช่อดอกที่เกิดบริเวณปลายยอด รวมทั้งตายอดข้างๆ แต่ละช่อมีดอก 1-20 ดอก ดอกมีขนาดใหญ่ และเป็นดอกบริบูรณ์เพศที่ผสมเกสรในดอกตัวเอง แต่ละดอกมีขนาด 3-7 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงที่ฐานดอก 3-5 กลีบ ส่วนกลีบดอกไม้มีสีขาว กลีบมีรูปหอก จำนวน 4-5 กลีบ กว้างราวๆ 1.5 ซม. ยาวประมาณ 3.5-4.0 ซม. แผ่นกลีบดอกดก ด้านในกลีบมีเกสรตัวผู้ปริมาณ 20-25 อัน เรียงซ้อนกันเป็นวงกลมรอบรังไข่ และก็มีฐานเกสรเชื่อมชิดกันเป็นกรุ๊ป 4-5 กลุ่ม ส่วนข้างในสุดเป็นรังไข่ที่แบ่งเป็นช่องๆ11-16 ช่อง ทั้งนี้ ดอก
ส้มโอจะบานจากดอกส่วนปลายก่อน แล้วก็ทยอยบานในดอกโคนช่อ
ผลมีรูปร่างออกจะกลม บางชนิดมีขั้วผลเรียวแหลม ผลมีขนาดใหญ่ ขนาดผลประมาณ 10-13 ซม. ผลอ่อนมีสีเขียว ผลสุกมีสีเขียวอมเหลืองหรือสีเหลืองทองตามสายพันธุ์ เปลือกดกโดยประมาณ 1.5-2 ซม. แบ่งได้ 3 ชั้น ประกอบด้วยชั้นนอกสุด เรียกว่า flavedo มีสีเขียวอมเหลือง มีต่อมน้ำมันจำนวนมาก ชั้นต่อมา เรียกว่า albedo เป็นส่วนที่เป็นเยื่ออ่อนนุ่มสีขาวที่มีความหนามาก และก็ชั้นลำดับที่สามเป็นเยื่อของพูที่ห่อรอบเนื้อผล ส่วนเนื้อผลแบ่งออกเป็นกลีบๆเรียงติดกันเป็นวงกลม แต่ว่าแกะแยกออกมาจากกันง่าย เรียกลีบเนื้อผลว่า juice sac ข้างในกลีบจะชุ่มฉ่ำด้วยน้ำที่ให้รสหวานหรือหวานอมเปรี้ยว
เมล็ดรวมกันอยู่ตรงศูนย์กลางของผล มีจำนวนตั้งแต่ 0-265 เมล็ด/ผล สุดแท้แต่สายพันธุ์ เม็ดมีอีกทั้งขนาดใหญ่ และขนาดเล็กสุด เม็ดมีรูปร่างแบน แล้วก็ผิวร่น เปลือกเมล็ดมีสีเขียวอมเหลือง แล้วก็เป็นร่องลึก ขนาดเม็ดกว้าง 0.6-1.2 เซนติเมตร
การขยายพันธุ์ส้มโอสามารถเพาะพันธุ์ได้ ด้วยวิธีเพาะเม็ด การตำหนิดตา การทำหมัน และการแทงกิ่ง แต่ทั่วๆไปนิยมปลูกจากต้นชนิดที่ได้จากการทำหมันหรือการเสียบกิ่ง เนื่องจากจะได้ต้นที่ไม่สูง และก็ได้ผลตามประเภทดั้งเดิมที่ต้องการ
สำหรับพื้นที่ปลูกที่น้ำไม่ท่วมง่ายสามารถไถพรวนดินเป็นแปลงให้สม่ำเสมอทั่วๆไปได้เลย แต่หากเป็นพื้นที่ที่น้ำหลากง่าย ดังเช่น ที่ราบลุ่มทางภาคกึ่งกลางจะต้องขุดชูร่องแปลงเป็นแนวยาวให้สูงมากขึ้น โดยมีขนาดสันร่องปลูกกว้างราวๆ 6-7 เมตร และก็เป็นร่องน้ำกว้างประมาณ 1-1.50 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร กับทำคันกั้นน้ำรอบสวน
ส่วนการเตรียมหลุม และกรรมวิธีปลูก ให้ขุดหลุมปลูกขนาดราวๆ 50 ซม. พร้อมตากหลุมปลูก รวมทั้งดินที่ขุดขึ้นมานาน 10-14 วัน ควรจะเว้นระยะหลุมประมาณ 6-8 x 6-8 เมตร (แต่ส่วนใหญ่นิยมในระยะ 7×7 เมตร)
ภายหลังที่ตากดิน รวมทั้งหลุมปลูกแล้ว ให้นำหน้าดินเกลี่ยลงหลุม พร้อมโรยปุ๋ยหมักหรือวัสดุอินทรีย์คลุกผสมกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากัน ก่อนนำต้นชนิดลงปลูก โดยให้ระดับดินในหลุมสูงขึ้นยิ่งกว่าระดับดินเดิมเล็กน้อย และก็โรยปิดด้วยฟางข้าวหรือเศษใบไม้ แล้วต่อจากนั้นนำไม้หลักปัก และผูกรัดต้นชนิดคุ้มครองป้องกันไม่ให้ต้นโยกหรือโอนเอียง โดยจะเริ่มติดดอกและก็ติดผลหลังการปลูกราว 4 ปี แล้วก็เริ่มเก็บผลได้ภายหลังจากติดดอกราวๆ 8 เดือน ทั้งนี้ในขณะนี้ ชนิดที่เป็นที่นิยมปลูกทางด้านการค้า อย่างเช่น
ชนิดทับทิมประเทศไทย เนื้อสีแดงเข้ม รสชาติหวาน มีกลิ่นหอมยวนใจ เนื้อนุ่ม เปลือกบางสีเขียวเข้ม มีขนอ่อนปกคลุมทั่วผล ปลูกมากที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
จำพวกขาวใหญ่ เนื้อขาวอมเหลือง รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย มีกลิ่นหอมสดชื่นเฉพาะตัว เมล็ดน้อย นิยมนำมาปลูกที่จังหวัดสมุทรสงคราม
พันธุ์ทองคำดี ผลโต กลมแป้น ไม่มีจุก ที่ขั้วมีจีบเล็กน้อย รสหวาน ชุ่มฉ่ำน้ำ เนื้อสีชมพู เป็นพันธุ์ที่นิยมนำมาปลูกที่จังหวัดนครปฐม
ประเภทขาวพวง ผลกลม มีจุกสูง ผิวเรียบ สีเปลือกเขียวอ่อนอมเหลือง มีเมล็ดน้อย เป็นพันธุ์ดั้งเดิม
พันธุ์ขาวน้ำผึ้ง ผลใหญ่ กลมสูง ก้นเรียบ
ประเภทขาวแตงร้าน ผลขนาดกึ่งกลางกลมแป้น เปลือกบาง เนื้อสีขาว นิยมนำมาปลูกที่จังหวัดชัยนาท และอยู่ในคำขวัญประจำจังหวัด
ชนิดปัตตาเวีย ปลูกมากทางภาคใต้
ชนิดท่าข่อย เป็นประเภทที่ปลูกมากที่จังหวัดพิจิตร
ส่วนประกอบทางเคมีสารสำคัญที่เจอในเปลือก
ส้มโอ (อีกทั้งส่วนที่เขียวแล้วก็สีขาว) ส่วนมากจะเป็นสารกรุ๊ปของน้ำมันหอมระเหย แล้วก็สารกรุ๊ป flavonoids ได้แก่ naringenin, hesperetin, hesperidin, apigenin, poncirin และ eriocitin แล้วก็ยังพบสาร acridone, acronycine, anthranilate, bergamottin, camphor, citral, limonene, limonin, linalool, myricetin, nerol, nomilin, pinene, quercetin, rutin, scopoletin, umbelliferone รวมทั้งยังพบสารขมในเปลือกชื่อ naringin แล้วก็จากการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของน้ำมันหอมระเหยจากเปลือกที่สกัดได้จากวิธี TLC และ GC-MS พบว่ามี limonene เป็นองค์ประกอบหลัก รวมทั้งสารกรุ๊ป monoterpene อื่นๆจำนวนน้อยดังเช่น alpha-pinene, sabinene, beta-pinene, beta-myrcene, alpha-phellandrene, trans-carveol, cis-carveol รวมทั้ง carvone นอกเหนือจากนี้ในเนื้อยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังต่อไปนี้
คุณประโยชน์ทางโภชนาการของส้มโอ (100 กรัม)พลังงาน 38 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 9.62 กรัม
เส้นใย 1 กรัม
ไขมัน 0.04 กรัม
โปรตีน 0.76 กรัม
วิตามินบี 1 0.034 มิลลิกรัม 3%
วิตามินบี 2 0.027 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 3 0.22 มก. 1%
วิตามินบี 6 0.036 มิลลิกรัม 3%
วิตามินซี 61 มิลลิกรัม 73%
ธาตุแคลเซียม 4 มก. 0%
ธาตุเหล็ก 0.11 มิลลิกรัม 1%
ธาตุแมกนีเซียม 6 มก. 2
ธาตุแมงกานีส 0.017 มก. 1%
ธาตุฟอสฟอรัส 17 มก. 2%
ธาตุโพแทสเซียม 216 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโซเดียม 1 มก. 0%
ธาตุสังกะสี 0.08 มก. 1%
% ร้อยละของจำนวนเสนอแนะที่ร่างกายอยากได้ในทุกๆวันสำหรับผู้ใหญ่
สรรพคุณส้มโอส้มโอถือเป็นผลไม้สมุนไพรประเภทหนึ่ง ที่มีการนำมาทำประโยชน์ทั้งทางด้านของกินและด้านสมุนไพรมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว สำหรับในฐานะอาหารมีการใช้คือผลไม้สำหรับรับประทานซึ่งจะนำ เนื้อผลมารับประทาน โดยจะให้น้ำชุ่มฉ่ำหวานหรือหวานอมเปรี้ยวหรือนำเนื้อผลนำมาดัดแปลงเป็นน้ำปั่นหรือผสมทำไอติม รวมทั้งเอามาปรุงอาหาร อย่างเช่น ตำส้มโอ,ข้าวยำ ฯลฯ หรือนำส่วนใยสีขาวจากเปลือกนำมาสับ และก็ตากให้ ก่อนบดให้ถี่ถ้วนจนถึงเป็นผงอีกที แล้วประยุกต์ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารหวาน ได้แก่ ของหวานบ้าระห่ำ นอกเหนือจากนี้ยังมีการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างๆของอีกเช่นเปลือกด้านนอกของเอามาบดผสมสำหรับทำธูปหอม ธูปไล่ยุง หรือนำเปลือกชั้นในส่วนที่เป็นสีขาวมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าต่างๆได้แก่ สบู่เหลว , สบู่ , ครีมที่เอาไว้สำหรับบำรุงผิว หรือ นำมาทำเป็นน้ำมันหอมระเหย เป็นต้น
ส่วนในด้านความเชื่อถือถือเป็นของเซ่นในพิธีไหว้พระจันทร์ที่สำคัญของคนจีน เพราะเหตุว่ามีความคิดว่าภายหลังไหว้ ถ้าเกิดผ่าผลออกแล้วกลางลูกแห้ง ไม่มีน้ำจะเป็นสัญลักษณ์ของโชคดี รวมทั้งสตรีที่ยังไม่สมรสจะนำส่วนของมาทาหน้า โดยเชื่อว่าทำให้ผิวพรรณผุดผ่อง และก็หากรับประทานในคืนนั้นจะทำให้ตาเป็นประกายสวย สำหรับในฐานะสมุนไพร ส่วนมากจะใช้เปลือกมาทำเป็นยาสมุนไพร โดยในหนังสือเรียนยาไทยบอกว่า เปลือกผล มีรสปร่าหอม แก้ลมวิงเวียน หน้ามืด ตาลาย ใจสั่น ช่วยขับลม ขับเสลด แก้อึดอัด แก้จุกแน่นหน้าอก แก้ไอ แก้เจ็บท้องน้อยและก็โรคไส้เลื่อน แก้ลมในกองลมป่วง แก้ลมในกอง แก้จุกเสียดแน่นเฟ้อ แก้อ้วก ตำพอกฝี ปรุงยาหอมแก้ลมเวียนหัว หน้ามืด ลายตา ใจสั่น แก้ลม ท้องขึ้นท้องเฟ้อพองเฟ้อ ต้มน้ำอาบแก้คัน รักษาโรคผิวหนังพวกผื่นคัน รวมทั้งปวดบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย
เว้นแต่ผิว
ส้มโอแล้ว ส่วนต่างๆของก็ยังมีสรรพคุณทางยาอีกได้แก่ ใบช่วยหยุดอาการปวดบวมจากแมลงกัดต่อย แก้อาการปวดท้อง รักษาโรคไส้อักเสบ ช่วยในการขับลม ลำคออักเสบปากอักเสบ ช่วยขับเสมหะ ราก เปลือก และแก่นลำต้น ช่วยขับพยาธิ ช่วยขับลมในกระเพาะ ช่วยขับฉี่ เนื้อช่วยในการขับลม ช่วยเจริญอาหาร ช่วยทำให้กระชุ่มกระชวย แก้อาการเมาสุรา แก้ลำคออักเสบ
นอกจากนี้ผิว ยังจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” มี ผิว ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มจังหวัดตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะนาว หรือผิวมือ และก็ผิวมะกรูด มีคุณประโยชน์แก้ลมกองละเอียด กองหยาบคาย แก้เสลดโลหะ ใช้ปรุงยาหอมแก้ทางลม
แล้วก็ในบัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) ปรากฏการใช้ผิว ในยารักษากรุ๊ปอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏตำรับ ”ยาหอมเทวดาจิตร” ซึ่งมีส่วนประกอบของผิวอยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการแก้ลมหน้ามืด แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียนอาเจียน อ้วก แก้ลมจุกแน่นในท้อง บำรุงใจให้สดชื่น ส่วนในประเทศจีนมีการใช้เปลือกเป็นยาแก้ธาตุเปลี่ยนไปจากปกติ แก้ไอ และใช้ผสมในตำรับยาหอมของจีน
[/b]
แบบ/ขนาดวิธีใช้เปลือก
[url=https://www.disthai.com/17066273/%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%AD]ส้มโ[/b][/i]เอามาตากแดดให้แห้งแล้วนำมาบดใช้ปรุงเป็นยาตามตำรับยาต่างๆเปลือกใช้ตำแล้วนำมาพอกเพื่อรักษาฝี ใช้รักษาโรคผื่นคันที่ผิวหนัง ใช้เปลือกผลครั้งละ 0.5-1 ผล หั่นเป็นชิ้นๆต้มกับน้ำอาบ หรือทาบ่อยๆรอบๆที่เป็น แก้อาการไอมีเสลด ด้วยการใช้ผลสดนำเมล็ดออก แกะเป็นชิ้นเล็กๆแช่กับน้ำเหล่าไว้หนึ่งคืน เสร็จแล้วก็ค่อยนำไปต้มให้เละแล้วผสมกับน้ำผึ้ง นำมากวนจนเข้ากันแล้วจิบรับประทานบ่อยๆแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการนำใบมากแล้วพอกแถวๆศีรษะ หรือนำใบมาตากแห้งใช้ชงดื่มแทนชา แก้เจ็บท้อง รักษาโรคลำไส้อักเสบ ช่วยขับลม หรือไม่ก็อาจจะนำใบสดมาขยี้ทาหยุดลักษณะของการปวดบวมจากแมลงสัตว์กัดต่อย และก็ขนาดการใช้ทั่วๆไป ที่ระบุในเภสัชตำรับจีนเท่ากับ 3-6 กรัม
การศึกษาทางเภสัชวิทยาฤทธิ์แก้ไอ ขับเสมหะ และลดการอักเสบ การทดลองฤทธิ์สำหรับการแก้ไอ ขับเสมหะ รวมทั้งลดการอักเสบของสารสกัด 4 ประเภท จากเปลือก ตัวอย่างเช่น สารสกัดน้ำ, 50% เอทานอล, 70% เอทานอล รวมทั้ง 90% เอทานอล ในหนูเม้าส์ พบว่ามีเพียงสารสกัดน้ำ รวมทั้ง 70% เอทานอล แค่นั้นที่มีผล โดยสารสกัดน้ำ ขนาด 1005 มก./กก.น้ำหนักตัว แล้วก็สารสกัด 70% เอทานอล ขนาด 493 มก./กิโลกรัมน้ำหนักตัว จะส่งผลลดความถี่ของการไอในหนูที่ถูกรั้งนำด้วยน้ำแอมโมเนีย (ammonium liquor) เพิ่มการหลั่งสารฟีนอล เรด (ซึ่งแสดงถึงผลสำหรับเพื่อการขับเสลด) และลดการบวมที่ใบหูของหนูที่ถูกทำให้มีการบวมขึ้นรถ xylene ได้ ซึ่งสารสกัด 70% เอทานอล จะมีฤทธิ์ดีกว่าสารสกัดน้ำ
เอกสารอ้างอิงดร.ภญ.นิศารัตน์ ศิริวัฒนเมธานนท์,ดร.ภก.ภานุพงษ์ พงษ์ชีวัน.อันตรกิริยาระหว่างกับยา.บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน.ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
นิดดา หงส์วิวัฒน์ และทวีทอง หงส์วิวัฒน์.
ส้มโอ ใน ผลไม้ 111 ชนิด: คุณค่าอาหารและการกิน. กทม. แสงแดด. 2550 หน้า225 - 229
ฤทธิ์แก้ไอ ขับเสมหะและลดการอักเสบของสารสกัดจากเปลือกสารสกัดจากเปลือก.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
Myung K, Narciso JA and Manthey JA. (2008). Removal of furanocoumarins in grapefruit juice by edible fungi. Journal of Agricultural and Food Chemistry 56(24): 12064–12068.
Guo LQ. et al. (2007). Different roles of pummelo furanocoumarin and cytochrome P450 3A5*3 polymorphism in the fate and action of felodipine. Current Drug Metabolism;8(6):623-30
พิษต่อเซลล์มะเร็งของสารสกัดจากใบ.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
Anlamlert W, Sermsappasuk P, Yokubol D, Jones S. (2015). Pomelo Enhances Cyclosporine Bioavailability in Healthy Male Thai Volunteers. Journal of Clinical Pharmacology: 55(4) 377–383.
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและลดไข้มันในเลือดของ
ส้มโอพันธุ์ต่างๆในประเทศไทย.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.
.ฐานข้อมูลเครื่องยา.คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี(ออนไลน์)
สารในน้ำมันหอมระเหยจากเปลือก.กระดานถาม-ตอบ.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.(ออนไลน์)
(Pomelo)สรรพคุณและการปลูก.พืชเกษตรดอทคอม เว็บเพื่อพืชเกษตรไทย(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
สารสกัดในเปลือก.กระดานถาม-ตอบ.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล(ออนไลน์)
Tags : ประโยชน์ส้มโอ