ชีววิทยาของลิ่นเเรด

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชีววิทยาของลิ่นเเรด  (อ่าน 4 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teeratum123
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20032


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: มีนาคม 03, 2019, 08:41:52 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
แรด
แรดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกรุ๊ปหนึ่ง
จัดอยู่ในวงศ์ Rhinocerotidae
เป็นสัตว์ป่าใกล้สิ้นซาก ทั่วทั้งโลกมีสัตว์พวกนี้หลงเหลืออยู่เพียง ๕ ประเภท เป็นแรดที่พบในทวีปเอเชีย ๓ ประเภท คือ กระซู่ แรดชวา และก็แรดอินเดีย เจอในทวีปแอฟริกา ๒ ประเภท คือ แรดขาวและแรดดำ
ชีววิทยาของแรด
๑.กระซู่
มีชื่อวิทยาสาสตร์ว่า Dicerorhinus sumatrensis (fischer)
มีชื่อสามัญว่า asian two-horned rhinoceros หรือ Sumatran rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่ คือ มีเล็บ ๓ เล็บ ทั้งเท้าหน้ารวมทั้งเท้าหลัง มี ๒ นอ เมื่อโตเต็มกำลังมีความสูงที่ไหล่ ๑-๑.๕๐ เมตร น้ำหนักราว ๑ ตัน มีหนังหนาแล้วก็มีขนปกคลุมทั่วตัวโดยเฉพาะในตัวที่มีอายุน้อย ขนนี้จะลดลงเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยปกติลำตัวสีเทาคล้ายสีเถ้าหรือสีน้ำตาลเข้ม ข้างหลังของลำตัวมีรอยพับของหนังเพียงแต่พับเดียวอยู่ที่รอบๆข้างหลังของขาคู่หน้า กระซู่อีกทั้ง ๒ เพศมีนอ ๒ นอ นอหน้ายาวราว ๒๕ ซม. ส่วนนอหลังมักยาวไม่เกิน ๑๐ เซนติเมตร หรืออาจเป็นเพียงแต่ตุ่มนูนขึ้นมาในตัวเมีย กระซู่เป็นสัตว์ที่ปีนเขาเก่ง มีประสาทรู้กลิ่นดีเลิศ ทำมาหากินช่วงเวลาค่ำคืน กินใบไม้ ก้านไม้ และผลไม้ป่าเป็นของกิน ตามปรกติใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เว้นเสียแต่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ หรือตอนที่ตัวเมียเลี้ยงลูกอ่อน คลอดลูกทีละ ๑ ตัว ระยะตั้งท้อง ๗-๘ เดือน แก่ยืน ๓๒ ปี
กระซู่มีเขตผู้กระทำระจายพันธุ์ตั้งแต่รัฐอัสสัมของอินเดีย แล้วก็ในบังกลาเทศ ประเทศพม่า ไทย เวียดนาม มาเลเซีย รวมทั้งอินโดนีเซีย มักอาศัยตามชายเขาสูงที่มีหนามรกทึบ แม้กระนั้นลงมาอยู่ในป่าที่ราบต่ำส่วนปลายฤดูฝน ซึ่งมักมีปลักแล้วก็น้ำอยู่ทั่วไป ในปัจจุบันกระซู่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน ๑๕ ชนิดของไทย
๒. แรดชวา (เขมรเรียกระมาด)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ Rhioceros sondaicus Desmarest
มีชื่อสามัญว่า lesser one-horned rhinoceros sinv Javan rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่ เป็น มีเล็บ ๓ เล็บ อีกทั้งเท้าหน้าและเท้าหลัง มีนอเดียว เมื่อโตเต็มที่มีความสูงที่ไหล่ ๑.๖๐-๑.๘๐ เมตร น้ำหนักตัว ๑.๕-๒ ตัน มีหนังครึ้มแล้วก็มีขนขึ้นห่างๆ ลำตัวสีเทาออกดำ ข้างหลังของลำตัวมีรอยพับของหนัง ๓ รอย ตรงแถวๆหัวไหล่ ข้างหลังของขาคู่หน้า รวมทั้งข้างหน้าของขาคู่หลัง แรดเพศผู้มีนอเดียว มีความยาวไม่เกิน ๒๕ เซนติเมตร ส่วนตัวเมียนั้นเห็นเป็นเพียงตุ่มนูนขึ้นมา แรดชวาเคยเป็นสัตว์ที่หาเลี้ยงชีพอยู่รวมกันเป็นฝูง แต่ว่าปัจจุบันเจอหาเลี้ยงชีพโดดๆ หรืออยู่เป็นคู่ในฤดูผสมพันธุ์ กินใบไม้ กิ่งไม้ และก็ผลไม้ป่าที่ตกอยู่บนพื้นดินเป็นของกิน คลอดลูกทีละ ๑ ตัว ระยะตั้งท้องนาน ๑๖ เดือน มีเขตการกระจายพันธุ์ตั้งแต่ในประเทศบังกลาเทศ เมียนมาร์ ไทย เวียดนาม เขมร มาเลเซีย แล้วก็อินโดนีเซีย พบได้ทั่วไปในป่าดิบชื่นที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ หรือป่าทึบริมฝั่งทะเล จำนวนมากหากินอยู่ตามป่าที่ราบ ไม่เจออยู่ตามภูเขาสูง เดี๋ยวนี้แรดชวาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนประเภทหนึ่งใน ๑๕ จำพวกของไทย
๓. แรดอินเดีย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Rhinoceros unicornis Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า Indian rhinoceros
เป็นแรดใหญ่จำพวกนอเดียว สูงราว ๒ เมตร หนัก ๒-๓ ตัน เรียกตัวมีหนังครึ้มคล้ายโล่ที่ไหล่ ที่ตะโพก หนังเป็นปุ่มนูนกลมเห็นได้ชัด ไม่มีขนมากนักเว้นแต่ที่ขอบหูแล้วก็ปลายหาง มีหนังพับข้ามหลัง ๒ แห่ง คือ ที่ข้างหลังของไหล่แล้วก็ที่ด้านหน้าของบั้นท้าย แต่ไม่มีพับหนังข้ามคอ หางสั้นอยู่ในหลืบพักของบั้นท้าย ตั้งครรภ์นานราว ๑๙ เดือน อายุยืนราว ๕๐ ปี แรดประเทศอินเดียอาศัยอยู่ในป่าลุ่มริมแม่น้ำ เคยมักพบในช่องเขาแม่น้ำสินธุ ที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคา หุบเขาแม่น้ำพรหมบุตร แล้วก็บริเวณตีนเขาหิมาลัยตั้งแต่ประเทศปากีสถานถึงเมืองอัสสัมประเทศอินเดีย
[/b]
๔. แรดขาว
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ceratotherium simum Burchell
มีชื่อสามัญว่า white rhinoceros หรือ square-lipped rhinoceros
มีขนาดใหญ่กว่าแรดอื่นๆ สูงราว ๑.๖๐-๒ เมตร ขนาดวัดจากหัวถึงโคนหาง ๓.๖๐-๕ เมตร หนัก ๒.๓ – ๓ ตัน มีนอ ๒ นอ นอหน้ายาวราว ๖๐ ซม. แต่ว่าบางตัวนอยาวถึง ๑.๕๐ เมตร หัวยาว ปากกว้าง หูยาวกว่าแรดดำ และก็ปลายหูแหลม หน้าผากลาด และมนกว่าแรดดำ หัวไหล่นูนเป็นก้อน ผิวหนังเป็นตุ่มนูนน้อยกว่าแรดดำ ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองหรือสีเขา ผิวหนังทั่วตัวไม่มีขน ยกเว้นขนที่ปลายหูและก็ขนหาง ริมฝีปากบนมีรูปร่างเหมือนสี่เหลี่ยมจัตุรัส แรดประเภทนี้ถูกใจกินต้นหญ้ามากยิ่งกว่าใบไม้ มีหัวยาวเพื่อให้ก้มลงรับประทานต้นหญ้าได้ง่าย บนไหล่มีโหนกสูง มีจมูกดี แต่ตาและหูไม่ดี ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ ราว ๔—๕ ตัว แม้กระนั้นอาจพบได้ถึงฝูงละ ๑๘ ตัว ไม่ดุมากแรดขาวเคยอาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา บริเวณหุบเขาลุ่มแม่น้ำไนล์ แต่ว่าในปัจจุบันได้สิ้นพันธุ์ไปจากรอบๆนี้ เจอในแอฟริกากลางบริเวณทะเลสาบชาดกับแม่น้ำไนล์ขาว และในแอฟริกาใต้ ทางตอนใต้ของแม่น้ำออเรนจ์ไปทางทิศตะวัยตก จนกระทั่งภาคทิศตะวันออกของประเทศนามิเบีย แรดขาวโตถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ ๗-๑๐ ปี ท้องนาน ๑๘ เดือน เป็นประจำออกลูกเพียงตัวเดียว เมื่ออายุ ๑ เดือนก็เดินตามแม่ได้แล้ว อายุ ๑ สัปดาห์เริ่มรับประทานหญ้า แก่ยืน ๓๐-๔๐ ปี
๖.แรดดำ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Diceros bicornis Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า hook-lipped rhinoceros หรือ African black rhinoceros
เป็นแรดที่มีรูปร่างใหญ่ เทอะทะ หนังครึ้ม สีน้ำตาลอ่อนผสมเทาหรือเทาแก่ ตามลำตัวไม่มีขน ยกเว้นบริเวณใบหูและก็ปลายหาง ไม่มีต่อมเหงื่อ ตาเล็ก ริมฝีปากบนเป็นติ่งหรือจะงอยแหลมบางส่วน ยืดหดได้ ใช้เหนี่ยวกิ่งไม้เข้าปากได้ มี ๒ นอ นออันหน้าใหญ่และก็ยาวกว่าอันข้างหลัง หางสั้น แข็ง ใบหูกลม ไม่มีทั้งยังฟันตัดและฟันเขี้ยว เท้ามี ๓ เล็บ ขนาดลำตัวยาวราว ๓.๓๐ เมตร ความสูงถึงไหล่ราว ๑.๗๐ เมตร น้ำหนักราว ๒ ตัน ตัวเมียมีเต้านม ๒ เต้า เป็นปกติแรดดำถูกใจอยู่ตัวคนเดียว จะอยู่เป็นคู่เฉพาะในระยะเวลาผสมพันธุ์ ออกหากินยามค่ำคืน ถูกใจทำมาหากินตามท้องทุ่งรวมทั้งบริเวณป่าเขา เกลียดชังเข้าไปหาเลี้ยงชีพในป่าลึก นิสัยดุ หูแล้วก็จมูกไว แร[/color][/i]ดำโตเป็นวัยรุ่นพร้อมสืบพันธุ์ได้เมื่อมีอายุราว ๗ ปี ตั้งครรภ์นาน ๑๕-๑๖ เดือน ตกลูกทีละ ๑ ตัว ลูกแรดรับประทานนมแม่อยู่นานราว ๒ ปี รวมทั้งอยู่กับแม่นาน ๓-๔ ปี แรดที่พบในบ้านเรามีเพียงแต่ ๒ ชนิดแรก คือ กระซู่และแรดชวา
ประโยชน์ทางยา
หมอแผนไทยเคยใช้นอแรดเข้าเป็นเครื่องยาในยาโบราณหลายขนาน แต่ในปัจจุบันใช้ลดลง เพราะว่าหายากแล้วก็มีราคาแพง นอแรดเป็นสิ่งแข็งเหมือนเขาสัตว์ ตัน งอกขึ้นมาเหนือจมูกของสัตว์พวกแรด นอ[url=https://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/16959812/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%94]แรด
ที่ดีควรจะมีผิวนอกดำไหม้ สีค่อยจางไปที่โคน จนถึงเป็นสีเทาอมน้ำตาล เนื้อในมีสีเทาผสมขาว มีจุดสีเทาดำ แบบเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า นอแรดมีกลิ่นหอมสดชื่นเย็น ไม่คาว มีรสเปรี้ยวเค็มเย็น มีสรรพคุณแก้ไข้สูง แก้พิษร้อน แก้อ้วกเป็นเลือด แก้ถ่ายเป็นเลือด เป็นยาระงับประสาท โดยใช้บดเป็นผงผสมกับน้ำดื่ม เป็นยาขมเจริญอาหาร แก้อาการเกร็งเพื่อเป็นการอนุรักษ์สัตว์เหล่านี้ไว้ จึงไม่สมควรใช้หรือเกื้อหนุนให้ใช้ เครื่องยาที่ใช้แทนกันได้เป็นเขาควาย (ควาย) แม้กระนั้นจำเป็นต้องใช้ในปริมาณมากกว่าหลายเท่า

Tags : แรด



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ