ชีววิทยาของโค

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชีววิทยาของโค  (อ่าน 28 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
าร
หัดขับ
*

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 36


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 21, 2019, 09:40:25 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


วัว
คำ “โค” เป็นคำที่แผลงมาจากคำไทยว่า “งัว” ส่วนคำ “โค” เป็นคำเรียกสัตว์จำพวกนี้ในภาษาบาลี (คำ“โค” นี้บางทีอาจเป็นพระอาทิตย์ เช่นในคำ“โคจร” ซึ่งแสดงว่า ทางเดินของดวงตะวัน )
ชีววิทยาของวัว
เป็นสัตว์บดเอื้อง กินต้นหญ้า มี ๔ เท้า และก็กีบเป็นคู่ เขากลวง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bos Taurus (Linnaeus) จัดอยู่ในวงศ์ Bovidae
โคบ้านมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า bos Taurus domesticus Gmelin บ้านของไทยมีวิวัฒนาการมาจากป่าหรือออรอคอยกส์ (Aurochs) ซึ่งปัจจุบันสิ้นพันธุ์ไปหมดแล้ว ป่าที่ยังคงเจอในบ้านเราเป็นวัวแดง ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bos javanicus (D’Alton) รู้เรื่องว่าวัวแดงนี้น่าจะสืบสกุลมาจากออรอคอยกส์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ต่อมาแดงนี้ก็เลยสืบสกุลมาเป็นบ้านของประเทศไทย ทำให้รูปร่างและสีสันของบ้านเหมือนแดงมากมาย แม้กระนั้นรูปร่างใหญ่กว่ารวมทั้งสูงขึ้นมากยิ่งกว่า แดงมีความสูงที่ไหล่ราว ๑.๗๐ เมตร หรือกว่านั้น มีเขายาวราว ๗๐ เซนติเมตร แดงมีสีน้ำตาลแกมแดงเหมือนบ้าน เพศผู้เมื่อแก่มากๆสีบางทีอาจเปลี่ยนไป วัวแดงเป็นสัตว์ที่ถูกใจอยู่เป็นฝูง ฝูงหนึ่งมีราว ๒๐-๓๕ ตัว มักมีตัวเมียแก่ๆเป็นผู้นำฝูง แต่ละฝูงมักมีตัวผู้เพียงตัวเดียว รอปฏิบัติภารกิจสืบพันธุ์เมื่อตัวเมียเป็นสัด
คุณประโยชน์ทางยา
หมอแผนไทยรู้จักใช้น้ำนม (นมโค) ขี้วัว (มูลโค) รวมทั้งน้ำมูตร (น้ำมูตรโค) น้ำมันไขข้อวัว เป็นยา
๑. น้ำนมโค ได้จากเต้านมของเพศเมียที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ตำราเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า นมโคหรือนมมีรสหวาน มัน เย็น มีคุณประโยชน์ปิดธาตุ แก้โรคในอก ชูกำลังและเลือดเนื้อ รุ่งเรืองไฟธาตุ หมอแผนไทยมักใช้นมวัวเป็นน้ำกระสายยา เช่น “ยาแก้ลมโกฏฐาสยาวาตา” ใน พระคู่มือโรคนิทาน ใช้ “นมโค” เป็นน้ำกระสายยา ดังต่อไปนี้ลมโกฏฐาสยาวาตาแตกนั้น มักให้เหม็นคาวคอ ให้อ้วก ให้จุกเสียด ให้สวาปามในอกถ้าเกิดจะแก้ ให้เอาใบสลอดต้มกับเกลือให้สุกแล้วตากแดดให้แห้ง ๑ ชะเอมเทศ ๑ รากเจตมูลเพลิง ๑ รากตองแตก ๑ รากจิงจ้อใหญ่ ๑ ลำพัน ๑ พริกล่อน ๑ ดีปลี ๑ ใบหนาด ๑ การะบูร ๑ เอาเท่าเทียม ทำเปนจุณ ละลาย น้ำนมโค ก็ได้ น้ำผึ้งก็ได้ น้ำร้อนก็ได้ กินหายแล
๒. ขี้วัว หนังสือเรียนยามักเรียก น้ำขี้วัว หมอแผนไทยใช้ขี้วัวปรุงเป็นยาบำบัดโรคอีกทั้งด้านในแล้วก็ด้านนอกหลายขนาน โดยมากใช้ขี้วัวดำ แบบเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า ขีวัว[/url]ดำมีรสขม เย็น มีสรรพคุณดับพิษร้อน พิษไข้ พิษรอยแดง ลางตำราเรียนว่าขี้วัวสดแล้วก็แห้งผสมกับใบน้ำเต้าสดแล้วก็เหล้า ตำคั้นเอาน้ำ ทาแก้เริม ไฟลามทุ่ง งูสวัด ลมพิษ แล้วก็แก้พุพอง ฟกบวม ทำลายพิษ

๓. น้ำมูตรวัว แบบเรียนยามักเรียกว่า น้ำมูตรวัว แล้วก็มักใช้น้ำมูตรวัวดำเป็นน้ำกระสายยา เช่น ยาสตรีขนานหนึ่งใน พระตำรามหาโชตรัต ใช้ “มูตรวัวดำ” เป็นกระสาย ดังนี้ ถ้าเกิดหญิงโลหิตตกทางทวารหนักทวารเบา ไม่ออกสะดวก ให้เอาขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ ผลผักชีล้อม ๑ บดละลายด้วย มูตรโคดำ กินหายแล
๔. น้ำมันไขข้อโค พระตำรามุจฉาปักขันทิกา ให้ยาน้ำมันทาแก้ไส้กุดไส้ลามรวมทั้งแผลฝีเปื่อยยุ่ยขนานหนึ่ง เข้า “น้ำมันไขข้อโค” เป็นเครื่องยาด้วย ดังต่อไปนี้
ถ้าไม่ฟัง พิษนั้นกล้านักมักเผาเอาเนื้อนั้นสุก รุ่นเข้าไปแต่ปลายองคชาตแต่ละวันๆก็ดี ท่านให้หุงน้ำมันนี้ใส่ ดับพิษทั้งยังรักษาเนื้อไว้ ไม่ให้หนุ่มเข้าไปได้ ท่านให้เอามะพร้าวงอกบนต้นเขี้ยวน้ำมันให้ได้ถ้วย ๑ จึงเอาใบกระเม็ง ๑ ใบยาดูดใหม่ๆ๑ เปลือกโพกพาย ๑ เปลือกจิก ๑ เปลือกกรด ๑ เบญจลำโพง ๑ ใบเทียน ๑ ใบทับทิม ๑ ใบขมิ้นอ้อย ๑ ใบเลี่ยน ๑ ยาทั้งนี้เอาสิ่งละถ้วย ใส่ลงกับน้ำมันที่ทำจากมะพร้าวหุงให้คงแต่ว่าน้ำมัน แล้วเอาน้ำมันแมวดำชาตรีจอก ๑ น้ำมันฟอกไก่จอก ๑ น้ำมันไขข้อวัวจอก ๑ ปรุงใส่ลงเหอะดีเลิศนัก น้ำมันนี้ท่านตีค่าไว้ตำลึงทองหนึ่งใช้ได้ทุกสิ่ง แลตานทรางสรรพพิษฝีเปื่อยยุ่ยรุ่น อีกทั้งแก้มิให้เป็นด่างเป็นแผลให้คงจะคืนดีคนเก่า แลแก้ไส้ด้วนไส้ลุกลาม ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วมาแต่คราวหลังหายสิ้นอย่าฉงนสนเท่ห์เลย ได้ทำมามากแล้ว แบบเรียนนี้ฝรั่งเอามาแต่เมืองยักกัตราแล

Tags : วัว



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ