Advertisement
[/b]
เต่าในประเทศไทยเต่าที่พบในประเทศไทยมีอย่างต่ำ ๒๒ ประเภท (ไม่รวมตะพาบ) จัดอยู่ใน ๕ ตระกูล เป็น
๑.สกุล
เต่าทะเล(Cheloniidea) พบ ๔ ประเภทเป็น เต่าตนุ(เต่าแสงแดด) เต่าหญ้า เต่ากระ แล้วก็เต่าหัวโต เป็นเต่ากระดองแข็ง มีแผ่นเกล็ดปกคลุม บางทีอาจเรียงต่อกัน(อาทิเช่น เต่าตนุ) หรือซ้อนกันน้อย (เป็นต้นว่า
เต่ากระ) ขาหน้าแผ่เป็นครีบสำหรับว่ายน้ำ ขาหลังเป็นครีบกว้างสำหรับใช้เป็นหางเสือ
๒.วงศ์เต่าเฟื่อง(dermochelyidae) เจอเพียงแต่ชนิดเดียว คือ
เต่าเฟือง (มักเรียกกันผิดเป็น “เต่ามะเฟือง”) เป็นเต่ากระดองอ่อน มีสันยาวเรียกตัวบนภายหลังคอลงไปถึงก้น ๕ สัน ข้างตัวอีกข้างละสัน รวมเป็น ๗ สัน ใต้ท้องมีอีก ๕ สัน สันที่ใต้ท้องจะเลือนหายไปเมื่ออายุมากขึ้น ส่วนสันบนข้างหลังหายไปบ้างเมื่อเทียบกับอายุยังน้อย บนหัวตัวอ่อนมีเกล็ด แม้กระนั้นจะหายไปเมื่อโตขึ้น มีหนังปกคลุมแทน ขาหน้าแผ่เป็นครีบสำหรับว่ายน้ำ ยาวกว่าขาของเต่าสมุทรอื่นๆขาหลังเป็นครีบกว้างๆสำหรับใช้เป็นหางเสือ และก็ใช้ขุดหลุมเมื่อจะออกไข่
๓.วงศ์
เต่าน้ำจืด(Emydidae) เจอขั้นต่ำ ๑๓ ประเภท ดังเช่นว่า เต่ากระอาน เต่าลายตีนเป็ด เต่าหับ เต่าแดง (เต่าใบไม้) เต่าหวาย เต่าบัว เต่าจักร เต่าท้องนา เต่าจัน เต่าปากเหลือง เต่าดำ เต่าทับทิม และก็เต่าแก้มแดง เต่าในสกุลนี้สามารถหดหัวเข้าไปไว้ในกระดองได้หมด ขาแบน นิ้วรวมทั้งเล็บยาวกว่าเต่าบก ระหว่างนิ้วมีแผ่นพังผืดกางไม่มากก็น้อย บนหัวปกคลุมด้วยหนัง ไม่เป็นเกล็ดเหมือนหัวเต่าบก แต่รอบๆกำดันนั้น ข้างหลังบางทีอาจลายทำให้ดูคล้ายเกล็ด
๔.ตระกูล
เต่าปูลู(Platysternidae) เจอในประเทศไทยเพียงประเภทเดียว เป็นเต่าปูลู มีลักษณะสำคัญเป็นกระดองบนกับกระดองด้านล่างเป็นคนละชั้น ยึดติดกันด้วยพังผืด กระดองทั้งสองแบนเข้าหากันมากมาย โดยยิ่งไปกว่านั้นที่หน้าอก หัวโต หดหัวเข้าไปในกระดองมิได้ หัวปกคลุมด้วยแผ่นซึ่งไม่แบ่งได้เป็นชิ้นเกล็ดเหมือนเต่าอื่น ระหว่างนิ้วมีพังผืดบ้าง แม้กระนั้นไม่เต็มนิ้ว นิ้วมีเล็บแหลมทุกนิ้ว เว้นนิ้วก้อย หางยาวมาก มีเกล็ดรูปสี่เหลี่ยมปกคลุมบนหาง
๕.สกุล
เต่าบก(Testudinidae) พบ ๓ ชนิด คือ เต่าหก เต่าเดือย และ
เต่า[/i]เหลือง เต่าในสกุลนี้ต่างจากเต่าน้ำในวงศ์อื่นๆตรงที่ขาทั้ง ๔ กลม ไม่มีพังผืดยึดระหว่างนิ้ว เพราะว่าไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ขาว่ายน้ำ มีเกล็ดบนหัวรวมทั้งที่ขา
Tags : เต่า