Advertisement
แม้กระนั้นมือถือตัวท็อปของค่าย Apple ในศักราช 2017 ที่ผ่านมาก็คือ iPhone X โดยมาพร้อมกับดีไซน์และคุณลักษณะแบบพรีเมี่ยมและแน่นอนว่ามูลค่าก็สูงเหมือนกัน ถึงกระนั้นหลายคนคงหลงลืมไปว่าในปีเดียวกัน ก่อนหน้า iPhone X เปิดตัวเพียง 15 นาที iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็ออกมาแนะนำตัวให้สาวกค่าย Apple ได้รู้จักกัน ซึ่งถัดจากนั้นอาจจะราวคือรุ่นที่ถูกหลงลืมเนื่องจากกระแสของ iPhone X แต่ทราบหรือเปล่าว่า
ไอโฟน 8 พร้อมกับ iPhone 8 Plus ถึงแม้นจะมีลักษณะหน้าตาไม่ต่างไปจาก iPhone 7 และ iPhone 7Plus แต่ก็มีดีพอที่จะทำให้คนที่ไม่สามารถเป็นผู้ครอบครอง iPhone X ในหลาย ๆ เหตุผล หันมาเป็นผู้ครอบครองได้ ดีฉันจักพาทุกท่านไปทำความรู้จักมักจี่กับมือถือรุ่นนี้ให้ดียิ่งขึ้น
iPhone 8 พร้อมกับ iPhone 8 Plus เปิดจัดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 22 กันยายน 2017 ณอเมริกาและวางขายในไทยวันที่ 3 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน มีให้เลือกสรรสองขนาด คือ iPhone 8 สัดส่วนหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 8 Plus ขนาด 5.5 นิ้ว โดยทั้งคู่รุ่น มีสัดส่วนตัวเครื่องเท่าๆ กับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เลย สามารถใช้เคสเดิมมาสวมกันได้สีที่ไม่ให้เลือกก็คือ เทา สเปซเกรย์, สีเงิน และสีทอง โดยเป็นการทำสีเฉดใหม่เอี่ยมมีสมรรถนะในการกันน้ำ กันละออง เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามมีข้อแตกต่างตรงที่ iPhone 8 และ
iPhone 8 Plus มีข้างหลังเป็นกระจก เป็นเหตุให้สามารถชาร์จแบบปราศจากสายได้
ในด้านของความจุนั้น Apple ก็มีมาให้คัดแค่เพียง 2 ขนาด ได้แก่ 64 GB และ 256 GB ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นการที่ Apple จะกระจายสินค้าไปให้ผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็วมากขึ้น จึงทำการลดรุ่นให้น้อยลง
แม้นความละเอียดหน้าจอยังคงเท่ากับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ รุ่นนี้ เพิ่มการรองรับการแสดงผลแบบ True Tone ที่สามารถปรับเปลี่ยนอุณหภูมิสีหน้าจอให้ตรงกับสภาวะแสงตอนนั้น ทำให้หน้าจอดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ตัว CP ใช้ชิป A11 Bionic แบบ 6-Core แยกย่อยเป็น 4-Core ที่สมรรถนะสูง และอีก 2-Core ใช้เวลาที่เครื่องไม่ได้ทำงานหนักอึ้งอะไร โดยใช้งานได้อย่างลื่นไหล ที่น่าดึงดูดคือ รองรับ AR อย่างเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการทำงานในแอพพลิเคชั่นทั่วไปและเกม โดยชิป A11Bionic นี้เป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone X ด้วย
ในการเล่นเกมก็สามารถเล่นเกมทุกเกมที่ออกมาตอนนี้ได้อย่างลื่นไหลในภาพกราฟิกอันดับสุดยอด ยกตัวอย่างเกมรถแข่งเช่น Need for Speed ที่จำต้องใช้การ์ดจอ (GPU) ค่อนข้างเยอะ หรือไม่ก็ ROV ก็เล่นได้ไม่สะดุด
กล้องได้ขยายมาจาก iPhone 7 ทั้งสองโมเดล แม้จะยังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลคงเดิม แต่ทว่ามีการเปลี่ยนแปลงเซ็นเซอร์ให้ใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้เยอะขึ้น จับภาพในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น ถ่ายรูป มีโหมดพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา ที่เรียกว่า “Portrait Lighting” เฉพาะกล้องคู่ของ
iPhone 8 Plus เท่านั้น สามารถเลือกได้จากในโหมด ภาพบุคคล เดิม ที่ให้คุณเลือกปรับแสงใบหน้ามนุษย์ได้มากถึง 5 แบบ กล้องหน้า ความละเอียด 7MP/ f2.2 กับแฟลชจากจอ Retina HD
ในส่วนการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K 60fps (Frame Per Second) ภาพการเคลื่อนไหวในวิดีโอที่ออกมาก็จะดูนุ่มนวล ตรงนี้ใครที่ใช้ iPhone รุ่นที่ผ่านมาจะมีตัวเลือก fps วิดีโอ 1080p จะมีตัวเลือก 30 กับ 60fps ส่วน 4K ก่อนหน้ามีเพียง 30fps) แต่ตอนนี้คุณเลือกสรรได้อิสระมากขึ้นว่าจะให้เป็น 24, 30 หรือ 60fps ในการถ่ายวิดีโอโหมดปกติ ด้านการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นมีตัวเลือก 720p 240fps, 1080p 120fps และ 1080p 240fps
เทคโนโลยีชาร์จไร้สายที่เพิ่มเติมเข้ามาให้กับ iPhone 8, 8 Plus (พร้อมกับ iPhone X) เป็นหนแรกนั้นรองรับกับอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐาน Qi ซึ่งหมายความว่า มิจำเป็นต้องชาร์จจากแท่นชาร์จของ Apple อย่างเดียว แต่ก็จะมี AirPowerแท่นชาร์จไร้สายจาก Apple ออกมาจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้โดยทุกวันนี้สามารถใช้ยี่ห้ออื่นๆ ได้ ถึงกระนั้นแนะนำว่าสมควรเลือกรุ่นใหม่ที่รองรับ Fast Charge
เอาเป็นว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สำหรับสาวก Apple แม้นจะคงไว้ดีไซน์ตัวเครื่องแต่เดิมตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2014 เอาไว้ แต่ก็มีดีเรื่องกล้องถ่ายรูป โดยเฉพาะในโหมด Portrait Lighting ใน iPhone 8 Plus ที่คนโปรดปรานฉายรูปน่าจะชื่นชอบการรวมกันของคุณลักษณะของกล้องที่ดี กับซอฟต์แวร์ที่ช่วยเติมแต่งแสงเงาในภาพได้หลายหลากรูปแบบตามความอยาก เป็นเหตุให้ตอนที่ออก ออกขายใหม่ ๆ ก็เป็นหนึ่งในกล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่
ส่วนหน้าจอที่สวยงามผนวกกับความไหลลื่นและฟีเจอร์สำคัญ ๆ ที่มิเป็นรองสมาร์ทโฟนตัวตัวท็อปใด ๆ ในขณะนี้ก็ถือได้ว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงไปนักเมื่อเปรียบกับ iPhone x แต่ถ้าหากใครใช้ iPhone 7 ทั้ง 2 โมเดลอยู่แล้ว และจะย้ายขึ้นมาเป็น iPhone 8 ทั้ง 2 โมเดลที่แนะนำไปนั้น ก็แนะนำว่าเฝ้ารอไปอีกสักนิด เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่น่าจะทวีคูณยิ่งกว่านี้อีกในรุ่นต่อไป
Tags : iPhone 8,iPhone 8 ราคา,ไอโฟน 8