ความเป็นมาความเป็นมาของน้ำหอม (Perfume)

[ttads2522]

Advertisement

ประวัติประวัติของน้ำหอม (Perfume)
     รู้หรือยังว่า น้ำหอมที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มีชีวประวัติยาวนานถึง 4,000 ปี จากหลักฐานทางตำนานที่เป็นภาพจิตกรรมฝาผนังที่วิหารของพระราชินี Hatshepsut เมือง Thebes ด้าว Egypt ซึ่งในภาพจะแสดงให้เห็นว่าสาวชาวอียิปกำลังชโลมน้ำหอมลงบนศรีษะของตนเอง นั่นก็แสดงให้เห็นว่า ได้มีการเริ่มใช้น้ำหอมในยุคนั้น และเราจะเริ่มยกตัวอย่างเรื่องราวของน้ำหอมกันตั้งแต่ในยุคเริ่มแรกกันเลยนะจ้ะ
น้ำหอมในระยะเวลาดั้งเดิม (สมัยเมโสโปเตเมีย)
     น้ำหอมผู้หญิงในยุคแต่ต้นเริ่มจากในสมัยเมโสโปเตเมีย  ซึ่งในยุคแรกนั้นคนที่จะใช้น้ำหอมได้คือฟาร์โร และเหล่านักบวชที่จะนำน้ำหอมไปใช้ในการทำพิธีบูชาเท่านั้น ซึ่งจะใช้การเผาให้เกิดกลิ่น ดุจ การเผายางไม้ ขี้ผึ้ง หรือเปลือกไม้ต่าง ๆ และคำว่า "Perfume" คำนี้ก็มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน ที่แปลว่า "ควัน" จึงเป็นที่มาของน้ำหอม นักบวชจะนำไปใช้ในพิธีกรรมการบูชาต่าง ๆ ที่เป็นประเพณีของของแคว้น และนอกเหนือจากการใช้ในพิธี ก็ยังมีการใช้พรหมทาที่เนื้อตัว บ้านเรือน เรือ หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง และราชินีแห่งอิยิปต์ที่มีพระนามว่า Hatshepsut   ทรงมีความชื่นชมน้ำหอมมาก จึงสนับสนุนให้มีการค้นหาต้นไม้ ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม เพื่อนำมาทำเป็�น้ำหอม[/url]กลิ่นต่าง ๆ ต่อมาเมื่อพระนาง Hatshepsut สิ้นพระชนม์ ชาวอียิปต์ก็ได้สร้างสวนดอกไม้และสร้างแผ่นหินจารึกปกรณ์ต่างๆ ไว้เพื่อเป็นการสดุดีอีกด้วย ด้วยกันพระนางคลีโอพัตราก็ยังให้ทาน้ำหอมที่ใบเรือและตัวเรือทั้งปวงก่อนที่จะเคลื่อนไปรับนักการเมืองชาวโรมัน ทำให้เหล่าชาวโรมันที่รอการมาของพระนาง สามารถได้กลิ่นน้ำหอมจากเรือที่ทรงนั่งมาก่อนที่จะเห็นตัวเรือของพระนางด้วยซ้ำ   
น้ำหอมผู้หญิงยุคระหว่างกลาง   
ในยุคนี้กรรมวิธีในการสกัดจะเคลื่อนคลาดจากยุคแรก เพราะชาวอาหรับได้ทำการคิดค้นเคล็ดการกลั่นนํ้าหอมได้รุ่งเรือง และมีการใช้แอลกอฮอร์มาเป็นตัวทำละลาย และน้ำหอมกลิ่นแรกที่ได้ทำการสกัดคือกลิ่นกุหลาบ และหลังจากนั้น นำ้หอมก็ได้เดินทางเข้าสู่ศตวรรษที่ 14 โดยการเข้าสู่ทวีปยุโรธ และคนชาติแรกที่ได้นำน้ำหอมเข้ามายุโรปคือชาวฮังกาเรี่ยน ตามคำสั่งของพระราชินี Elizabeth แห่งฮังการี่ จึงเรียกน้ำหอมกลิ่นนี้ว่า น้ำฮังการรี่ ซึ่งเป็นรูปแบบของน้ำหอมในยุคต่อ ๆ มา

         น้ำหอมสมัยใหม่เอี่ยม (ปัจจุบัน) 
น้ำหอมได้เข้าสู่ขั้นตอนผลิตแบบอุตสาหกรรมแบบจริงจังเมื่อศตวรรษที่ 19 และได้นำไปสู่วงการแฟชันอย่างเต็มตัว เมื่อปี คศ. 1920  เพราะมีชาวรัสเซียที่ชื่อว่า Ernest Beaux ซึ่งเป็นนักทำน้ำหอมเที่ยวมาที่ปารีส และได้นำเสนอน้ำหอมที่ตนเองทำให้กับ Gabrielle Bonheur Chanel ซึ่งก็กลายมาเป็นแบรนด์ Chanel  ในปัจจุบัน พร้อมทั้งได้รับปฏิกิริยาเป็นอย่างดี และกลิ่นที่ขายดีและระบือที่สุด คือ Chanel NO.5 และตั้งแต่นั้นมา อุตสาหกรรมด้านน้ำหอมก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีใช้แพร่หลาย ในคนทุกระดับชั้นจนมาถึงสมัยนี้

Tags : น้ำหอม