Advertisement
ปัญหาที่มักพบเจอได้หลายครั้งในการทำเสาเข็มเจาะแบบแห้ง ที่เจาะด้วยเครื่องกลไกต่างๆ เช่นสามขา หรือ Tripod Rig รถเจาะล้อยาง(รถเจาะเสาไฟฟ้า) โดยมากมีมูลเหตุมาจาก การกำหนดปลายเสาเข็มเจาะอยู่บนชั้นดินทราย หรือชั้นดินที่มาทรายผสมอยู่มาก ซึ่งเจาะดินจนไปจนถึงชั้นทราย หรือชั้นดินผสมทรายนั้น น้ำใต้ดินจะไหลผ่านชั้นทราย เข้าสู่หลุมเจาะ มา ทำให้ดินทรายภายใต้ปลายเสาเข็มเจาะสูญเสียสภาพความแน่นตัว หรือเรียกอีกอย่างว่า ทรายหลวม หรือทรายฟุ้ง ทำให้การคำนวณน้ำหนัก ที่ปลายเสาเข็มเจาะหรือเรียกว่า End Bearing สูญเสียไป หรือไม่มีค่าเลยก็เป็นไปได้
เข็มเจาะอาจจะกลายเป็นเสาเข็มที่คำนวณจาก Friction Pile เท่านั้น ทำให้การน้ำหนักได้น้อยลงไปมาก ตึกที่วางบนเสาเข็มเจาะประเภทนี้ส่วนใหญ่มีโอกาสจะทรุดตัว เพราะรับน้ำหนักได้ไม่ถึงตามการดีไซน์ อาจจะเอียงไปทางด้านสิ่งก่อสร้างที่มีน้ำหนักมากกว่า ดังนั้นมูลเหตุจึงไม่ได้มีมูลเหตุที่เกิดจากการเยื้องศูนย์ของเสาเข็มเจาะ เสาเข็มเจาะหัก หรือเสาเข็มรับน้ำหนักได้ไม่พอเพียง เสมอไป
วิธีตรวจสอบก้นหลุมทำได้หลายทาง ใช้หินดินโยนลงหลุมเจาะเพื่อฟังเสียง ใช้กระดาษจุดไฟแล้วโยนลงไป หรือวิธีการที่เป็นที่นิยมที่สุด คือให้ใช้กระจกเงา ส่องกับพระอาทิตย์ให้แสงส่องลงไปที่ก้นหลุมเจาะเพื่อมองดู ว่าก้นหลุมเจาะมีกระแสน้ำไหลเข้าหรือไม่
การแก้ปมปัญหานี้ มีด้วยกัน 3 วิธีคือ
1 ตีท่อปลอกเหล็กกันดิน ให้ลงลึกทะลุไปถึงชั้นดินทรายชั้นแรก ต่อให้ปลายท่อปลอกเหล็ก (Casing) ลงไปในชั้นดินเหนียวอย่างน้อย 0.50- 1.00 ม. แล้วเจาะดินลงไปเรื่อยๆ ให้เลยปลายท่อปลอกเหล็ก (Casing) แต่ที่สำคัญคือ ปลายเสาเข็มเจาะ จำเป็นต้องอยู่ในชั้นดินเหนียวแข็ง หรือชั้นดินดาน เท่านั้น เสาเข็มเจาะแบบแห้ง ที่ทำด้วยเครื่องจักรสามขา หรือ Tripod Rig รถเจาะล้อยาง(รถเจาะเสาไฟฟ้า) ควรจะออกแบบให้วางปลาย
เสาเข็มเจาะ อยู่ในชั้นดินเหนียวแข็ง หรือชั้นดินดาน เท่านั้น เพราะถ้าปลายเสาเข็มอยู่ในชั้นดินทรายจะทำให้มีน้ำไหลเข้ารูหลุมเจาะ ทำให้สูญเสียการรับน้ำหนักดังข้างต้นที่นำเสนอไว้แล้ว หากต้องการให้วางปลายเข็มเจาะไว้บนชั้นทรายจริงๆ หรือหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะสภาพพื้นดินในหน่วยงานนั้นๆพบแต่ชั้นดินทรายทุกระดับความลึก(เช่นพื้นที่ โซนจรัญสนิทวงศ์ ท่าพระ )ควรออกแบบให้ใช้เข็มเจาะระบบเปียกดีกว่า โดยใช้สารเคมีต่างๆช่วยในการเจาะ อาจใช้ สามขา หรือ Tripod Rig เจาะหรือใช้รถเจาะตีนตะขาบเจาะก็ได้ แต่แบบ สามขา หรือ Tripod Rig นั้น มีข้อจำกัดบางประการ เช่น ความลึก หรือความเสี่ยงในการถอนท่อปลอกเหล็ก (Casing) ไม่ขึ้น
2 ให้ถมดินในหลุมเจาะนี้ให้มากที่สุด แล้ว ถอนท่อปลอกเหล็ก (Casing) ในตำแหน่งหลุมเจาะนั้นๆ แล้วรอเวลาในดินคืนซัก2-3 วัน ก่อนแล้วค่อยย้อนมาเจาะหลุมเก่า โดยที่ให้กำหนดความลึกในการเจาะใหม่ ในต้นต่อไป ให้ลดความลึกจากที่เคยเจาะเจอชั้นดินทราย ลงมา ให้มีความลึกที่จะเจาะ ให้ถึงก่อนหรือ อยู่เหนือชั้นทราย ประมาณ 1.5-2 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางเสาเข็มเจาะ เพราะฉะนั้น ปลายเสาเข็มเจาะจะอยู่บนชั้นดินเหนียวหรือดินดาน เช่นเจาะเสาเข็มขนาด 50 ซม.เจอะชั้นดินทรายที่ 20 เมตร ควรจะลดความลึก เป็น ที่ 19 เมตร เพื่อให้ปลายเข็มเจาะอยู่บนชั้นดินแข็งหรือดินดาน แต่การแก้ไขวิถีทางนี้จำเป็นต้อง คำนวณการรับน้ำหนักของเข็มเจาะประกอบด้วยว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ หรืออาจต้องเพิ่มหน้าตัดเสาเข็มเจาะให้ใหญ่ขึ้นประกอบกันด้วย หรืออาจใช้วิธีเพิ่มจำนวณเสาเข็มเจาะก็ได้ ตามแต่วิศวกรผู้ออกแบบคำนวณ และควรที่จะคำนึงถึงการทรุดตัวของเข็มเจาะ ทำให้การคำนวณน้ำหนัก ที่ปลายเข็มเจาะหรือเรียกว่า End Bearing สูญเสียไป หรือไม่มีค่าเลยก็ได้ เข็มเจาะอาจจะกลายเป็นเสาเข็มที่คำนวณจาก Friction Pile เท่านั้น ทำให้การน้ำหนักได้น้อยลงไป
3 โดยยังคงให้เจาะเสาเข็มในความลึกนั้นโดยให้ปลายเข็มเจาะวางอยู่บนชั้นดินทราย แต่ต้องเปลี่ยนกรรมวิธีหรือเครื่องจักรเจาะเสาเข็ม ด้วยระบบเปียก ซึ่งเครื่องจักรชนิดสามขาหรือ Tripod Rig สามารถทำได้เหมือนกัน แต่ความลึกที่เจาะได้นั้นอาจจะลึกไม่เท่ากับ
เสาเข็มเจาะในระบบรถเจาะเครน การทำเสาเข็มเจาะระบบเปียกคือการใช้สารเคมีช่วย ประกอปกับใช้แรงดันจากการเติมสารเคมีจนถึงระดับปากหลุมเจาะ โดยทำให้ผนัง ดินทรายไม่พังทลายเข้าหลุมเจาะ ทำให้สามารถเจาะเสาเข็ม ให้ปลายเสาเข็มอยู่ในชั้นดินทรายได้ เสาเข็มเจาะที่ทำด้วยวิถีทางนี้จะทำให้มีค่าที่ End Bearing สูงกว่าการเจาะด้วยแบบแห้ง เพราะปลายเสาเข็มในชั้นดินทรายจะมีค่าที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก บริการ
เสาเข็มเจาะราคาถูกติดต่อได้คะ
Tags : เสาเข็มเจาะ,เสาเข็มเจาะราคา,เข็มเจาะ