ย้อนอดีตไปสมัย “เอโดะ” สู่ “โตเกียว” ผ่านพิพิธภัณฑสถานเอโดะ-เมืองโตเกียว

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ย้อนอดีตไปสมัย “เอโดะ” สู่ “โตเกียว” ผ่านพิพิธภัณฑสถานเอโดะ-เมืองโตเกียว  (อ่าน 15 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
iampropostweb
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 37259


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2019, 02:00:54 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

โตเกียวเป็นหมุดหมายการเดินทางของใครหลายๆคน เป็นเมืองที่เที่ยวได้เพลิน ช้อปปิ้งสนุก ประเทศชาติสะอาดสะอ้านปลอดภัย อาหารอร่อย สวนงาม ผู้คนแต่งตัวอย่างมีรสนิยม แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่คนไม่ค่อยระลึกถึง… โตเกียวมีพิพิธภัฑณ์ดีๆจำนวนไม่ใช่น้อย… ซึ่งถ้าเกิดเริ่มเบื่อกับการช้อปปิ้ง ทานอาหารอร่อย เดินเที่ยวดูเมือง ดูผู้คนแล้ว การแวะเข้าเที่ยวดูพิพิธภัณฑ์เป็นอีกลู่ทางหนึ่งที่น่าสนใจ

พิพิธภัณฑ์เอโดะ-เมืองโตเกียว (Edo-Tokyo Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์เลียนแบบภาวะชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมของบ้านเรือนญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603 – คริสต์ศักราช 1868) และตอนที่เปลี่ยนผ่านก่อนกลายเป็นเมืองโตเกียวที่ทันสมัยอย่างปัจจุบัน ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเรียวโกกุ (Ryogoku) เปิดให้เข้าชมดูวันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 9.30 -17.30 น. เฉพาะวันเสาร์เปิดถึง 19.30 น.

เอโดะ สมัยที่วัฒนธรรมราษฏรสามัญเจริญ
ยุคเอโดะเป็นยุคที่ไดเมียว(เจ้าผู้ครองเมือง) เชื้อสายโทะกุงะวะเป็นโชกุน ทำการยึดอำนาจจากองค์พระราชาธิราช กระทำตั้งรัฐบาลโดยใช้เมืองเอโดะ ซึ่งเดี๋ยวนี้คือเมืองโตเกียวเป็นศูนย์กลางการปกครอง เมืองเอโดะเติบโตขึ้นภายใต้การดูแลของโชกุนเชื้อสายโทะกุงะวะ ส่งต่ออำนาจตลอดยาวนานกว่าสองร้อยปี ซึ่งตลอดเวลานั้นองค์จักรรพรรดิยังคงประทับอยู่ที่เมืองหลวงที่เกียวโตแต่ว่าไม่มีพระราชอำนาจใดๆ

โทะกุงะวะ อิเอะยะซุ โชกุนคนแรกของตระกลูโทกุงะวะ ภาพจาก www.wikipedi.org
ในตอนสมัยเอโดะ เป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นได้พักการทำศึกภายในประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จะต้องชูให้เป็นความดีความชื่นชอบของเชื้อสายโทะกุงะวะ ที่ออกกฏที่เรียกว่า สันคินโคไท (Sankin-kōtai) ตามกฎนี้ไดเมียวของแต่ละเมืองจำเป็นต้องมาทำงานอยู่ที่เอโดะปีเว้นปี โดยครอบครัว เมียรวมทั้งบุตรจำเป็นที่จะต้องอยู่ในเอโดะตลอดเวลา นั่นทำให้ไดเมียวของแต่ละเมืองไม่กล้าคิดต้านรัฐบาลกึ่งกลาง

การที่ไดเมียวของทุกเมืองต้องมาประจำที่เมืองเอโดะทำให้ไดเมียวแต่ละเมืองจำเป็นต้องนำซามูไรและคนของตนติดตามมาอยู่ด้วย ทำให้ระยะเวลาดังที่กล่าวถึงมาแล้ว เอโดะแปลงเป็นเมืองที่มีพลเมืองดกแน่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประมาณถึงหนึ่งล้านคน

การที่ผู้คนจากมากมายที่ (ต่างเมือง) มาอยู่ร่วมกันที่แม้ว่าจะมีการกำหนดชนชั้นทางสังคมที่แจ่มแจ้งเป็น ๔ ชนชั้นอย่างเช่น ชนชั้นซามูไร ชนชั้นกสิกรชนชั้นช่างฝีมือ และชนชั้นพ่อค้า แต่ว่าก็ทำให้เกิดวัฒนธรรมการบริโภคในลักษณะต่างๆทำให้สมัยเอโดะเป็นสมัยที่วัฒนธรรมราษฏรสามัญรุ่งเรืองที่สุด แล้วก็กลายเป็นวัฒนธรรมประเทศญี่ปุ่นที่พวกเราคนต่างชาติรู้จักกันดี อย่างเช่น ซูชิ ละครคาบูกิ แล้วก็ภาพพิมพ์แกะไม้ที่เรียกว่าภาพอุกิโยะ ฯลฯ

สะพาน Nihonbashi นำย้อนสู่สมัยเอโดะ
เมื่อเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ จะพบสะพานไม้จำลองNihonbashi ขนาดเท่าของแท้ ซึ่งเป็นสะพานหลักสำหรับการคมนาคมในสมัยดังที่กล่าวมาแล้ว… ถือว่าเป็นการเปิดตัวเข้าสู่งานแสดงในพิพิธภัณฑ์ได้น่าสนใจทีเดียว เนื่องจากว่าทุกคนจึงควรเดินข้ามสะพานเพื่อเข้าไปข้างใน

โมเดลจำลองประเทศและผู้คนที่ช่างกระปรี้กระเปร่า
เมื่อข้ามสะพานไปอีกด้านหนึ่งจะเจอกับโมเดลจำลองภาวะตัวเมืองในสมัยนั้น วางแสดงบนโต๊ะขนาดใหญ่สามารถเดินวนมองได้จนกระทั่งรอบ รายละเอียดยิบย่อยที่เหมือนจริงทำให้ดูมองได้อย่างนานมาก ตุ๊กตาชาวเมืองสะท้อนบรรยกาศผู้คนคนกรุงที่ใช้ชีวิตในสมัยนั้น ล้วนมีชีวิตชวาอยู่ในท่าทางเครื่องแต่งกายสมจริงที่นานับประการ

อาคารที่เลียนแบบสะท้อนให้มองเห็นภาวะประเทศ ชีวิตความเป็นอยู่ ที่พักของคนทั่วไป รวมทั้งของไดภรรยาวที่หรูหรากว่า รวมทั้ง ห้องโถงออกว่าราชการของโชกุนที่เป็นสถานที่สำคัญสำหรับเพื่อการปกครองบ้านเมือง
กลุ่มตึกบ้านพักของไดภรรยาว
ห้องโถงออกว่าราชการของโชกุน
รวมทั้งยังมีโมเดลเลียนแบบภาพการค้าทางเรือสมัยเอโดะที่แยกออกไปต่างหาก ที่ดูแล้วครื้นครึก มีความเป็นมหานครในยุคนั้นจริงๆ

ละครแล้วก็เทศกาลครื้นครึก
เว้นแต่โมเดลขนาดเล็กแล้ว ยังมีตึกเลียนแบบสถานเริงรมณ์ที่สำคัญในสมัยนั้นดังเช่นว่าโรงแสดงละครคาบูกิแหล่งบันเทิงที่เป็นที่นิยม ได้เพลิดเพลินเจริญใจกับหุ่นนักแสดงคาบูกิที่แต่งกายกันอย่างมีสีสันสวยงาม และเดินชมร้านรวงต่างๆอีกทั้งร้านค้าขายซูชิ ขายหนังสือ ภาพพิมพ์ไม้ที่โดยมากมักเป็นภาพดาราหนังจากละครคาบูกิ

ที่ชวนตื่นตาตื่นใจให้หยุดยืนอยู่นาน คือโมเดลจำลองงานเทศกาลคันดะมัตสึริ (Kanda Matsuri) ซึ่งเป็นงานเทศกาลประจำศาลเจ้าคันดะในสมัยเอโดะ (ยังคงมีจัดจนถึงปัจจุบัน) ในงานเทศกาลจะมีขบวนเมิโคชิ (เกี้ยว) ที่ทำขึ้นอย่างงดงามจำนวน 30 ข้างหลัง แห่แหนไปตามพื้นที่ต่างๆในเมือง และก็ผ่านเข้าไปยังพระราชวังเอโดะที่โชกุนพักให้ได้ชมมอง

ด้านในพิพิธภัณฑสถานยังเลียนแบบสภาพบ้านที่พัก การดำรงชีวิตในสมัยนั้น แล้วก็จัดแสดงเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องมือบางสิ่ง ให้ผู้เข้าชมได้ทดสอบจับจับ ทดลองใช้งานด้วย

เมื่อยุคเอโดะล่มสลาย ส่วนใดส่วนหนึ่งมาจากการปิดประเทศอย่างนานแล้วก็ความเสื่อมถอยที่ย่อมต้องมีเป็นธรรมดา จึงไปสู่ยุคเมจิ แล้วก็เมืองเอโดะได้เปลี่ยนแปลงชื่อกลายเป็นโตเกียว ในยุคนี้ประเทศญี่ปุ่นถูกขู่เข็ญให้เปิดประเทศ อาคารต่างๆรวมทั้งข้าวของเครื่องใช้จึงสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมตะวันตกที่เริ่มแผ่เข้ามามีบทบาท

การเปลี่ยนผ่านของโตเกียวยังเผชิญกับภัยแผ่นดินไหว ไฟไหม้ อุทกภัยนานาๆรวมถึงสงครามโลกครั้งที่ 2แต่เมืองโตเกียวก็ผ่านมาได้แล้วก็แปลงเป็นเมืองที่นำสมัยเป็นมหานครของโลกในขณะนี้
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : 1980mm

Tags : 1980mm.com



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ